ในหลายงานวิจัยที่ทำการสแกนสมองของผู้ที่ฝึกสติมาอย่างยาวนาน ต่างให้ผลออกมาคล้ายกันคือ ระหว่างการทำสมาธิหรือเจริญสติ สมองด้านขวาซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับปัญญาญาณจะทำงานมากกว่าสมองด้านซ้าย ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเหตุผล หรืออาจพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเจริญสติทำให้เราเป็นนายของจิต หรือควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ที่เกิดขึ้นภายในใจ
“รศ.ดร.นพ.วรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์” จากสถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “มีงานวิจัยที่บอกว่า การฝึกสติอย่างต่อเนื่องสามารถเปลี่ยนโครงสร้างสมองได้ หากฝึกในปริมาณที่เหมาะสมและทำในระยะเวลาที่ต่อเนื่อง จะพบว่าเปลือกสมองจะหนาขึ้น ส่งผลให้การทำงานของสมองดีขึ้น หรืออาจรวมถึงสามารถช่วยป้องกันความเสื่อมของสมองได้ด้วย”
ในกรณีของการฝึกสติแบบ Focus attention กลุ่มนี้จะมีการเน้นความสนใจไปที่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น การบริกรรมคาถา ซึ่งคลื่นสมองจะถูกเปลี่ยนเป็นลักษณะของการจดจ่อ ในขณที่การฝึกสติแบบ Mindfulness จะเป็นการปล่อยจิตให้ว่าง เพื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบตัว คลื่นสมองจะเป็นลักษณะของคลื่นอัลฟ่า จึงกล่าวได้ว่า ลักษณะการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมอง จะขึ้นอยู่กับรูปแบบของการฝึกสติ ซึ่งหากเรามีการฝึกสติอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้การตอบสนองในด้านอารมณ์มีความสมเหตุสมผลมากขึ้น ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น และมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากกว่า
ชมย้อนหลังรายการพื้นที่ชีวิต ได้ทาง www.thaipbs.or.th/Life
ในหลายงานวิจัยที่ทำการสแกนสมองของผู้ที่ฝึกสติมาอย่างยาวนาน ต่างให้ผลออกมาคล้ายกันคือ ระหว่างการทำสมาธิหรือเจริญสติ สมองด้านขวาซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับปัญญาญาณจะทำงานมากกว่าสมองด้านซ้าย ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเหตุผล หรืออาจพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเจริญสติทำให้เราเป็นนายของจิต หรือควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ที่เกิดขึ้นภายในใจ
“รศ.ดร.นพ.วรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์” จากสถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “มีงานวิจัยที่บอกว่า การฝึกสติอย่างต่อเนื่องสามารถเปลี่ยนโครงสร้างสมองได้ หากฝึกในปริมาณที่เหมาะสมและทำในระยะเวลาที่ต่อเนื่อง จะพบว่าเปลือกสมองจะหนาขึ้น ส่งผลให้การทำงานของสมองดีขึ้น หรืออาจรวมถึงสามารถช่วยป้องกันความเสื่อมของสมองได้ด้วย”
ในกรณีของการฝึกสติแบบ Focus attention กลุ่มนี้จะมีการเน้นความสนใจไปที่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น การบริกรรมคาถา ซึ่งคลื่นสมองจะถูกเปลี่ยนเป็นลักษณะของการจดจ่อ ในขณที่การฝึกสติแบบ Mindfulness จะเป็นการปล่อยจิตให้ว่าง เพื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบตัว คลื่นสมองจะเป็นลักษณะของคลื่นอัลฟ่า จึงกล่าวได้ว่า ลักษณะการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมอง จะขึ้นอยู่กับรูปแบบของการฝึกสติ ซึ่งหากเรามีการฝึกสติอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้การตอบสนองในด้านอารมณ์มีความสมเหตุสมผลมากขึ้น ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น และมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากกว่า
ชมย้อนหลังรายการพื้นที่ชีวิต ได้ทาง www.thaipbs.or.th/Life