"แม่น้ำอิรวดี" เป็นแม่น้ำที่ใหญ่สุด ไหลจากเหนือจรดใต้ในประเทศเมียนมา เป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตคนที่นี่มานับพันปี มีเมืองมากมายที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนี้ ชีวิตของคนริมฝั่งอิรวดี มีความโชคดีเพราะดินดีและป่าสมบูรณ์ ทำให้การประกอบอาชีพนั้นทำได้อย่างไม่มีปัญหา เช่นที่ "เมืองกะตา" (Katha) ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ทางเหนือ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำอิรวดี "กะตา" ถือว่าเป็นแหล่งไม้สักที่ใหญ่และขึ้นชื่อของเมียนมา เล่ากันว่าสมัยก่อนนั้นเงยขึ้นไปบนฟ้าไม่เห็นแสงแดดส่องลงมา เพราะว่าป่าที่นี่คลุมไปด้วยไม้สักใหญ่ รอบ ๆ เมืองกะตา เป็นที่ผลิตของใช้จากวัสดุธรรมชาติ ถ้าเข้าไปในตลาดกะตา จะเห็นพ่อค้าแม่ค้าใช้ใบไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ใบต้นอิน" ใช้แทนใบตอง ห่อของ ห่ออาหาร และใช้ตะกร้าสานจากไม้ไผ่ ที่เรียกว่า "ตาน" โดยเฉพาะที่หมู่บ้านมะลินเจา ที่นั่นจะมีการสานตะกร้ากันทั้งหมู่บ้านทีเดียว นอกจากนั้นที่ "เมืองโชยโบ" (Shwebo) ที่นี่มีหมู่บ้านซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการทำเครื่องปั้นดินเผา ทั้งทำใช้เองและส่งขาย ทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากที่นี่มีดินที่พิเศษ ซึ่งมีทั่วไปริมฝั่งแม่น้ำอิรวดี คือ ดินสีเหลืองและดินสีแดง ซึ่งเมื่อเอามาผสมกันเครื่องปั้นดินเผาจะทำให้สีออกมาสวยงาม ชาวบ้านทุกคนสามารถมาขุดดินที่นี่ไปได้ นอกจากนั้นวิธีการทำเครื่องปั้นดินเผาโบราณของชาวบ้านที่นี่ก็ยังใช้วิธีดั้งเดิม ทุกคนใช้เพียงกำลังของข้อมือ แขน ขา และเท้า เป็นเครื่องมือในการปั้นดิน ไร้ซึ่งเทคโนโลยีทั้งปวง เป็นภาพที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน "โกวินโซ่ทุน" หัวหน้าของโรงงานแห่งหนึ่งที่นั่นเล่าให้ฟังว่า ดินอิรวดี เป็นดินที่มีบุญคุณกับชาวบ้านที่นี่มาก เพราะสร้างอาชีพและรายได้ให้กับพวกเขา แม้ว่าปัจจุบันนี้การหาช่างทำเครื่องปั้นดินเผาจะยากขึ้นทุกวัน แต่เขามั่นใจว่าหากใครที่สนใจทำจะมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวอย่างไม่ลำบาก
ติดตามในรายการซีรีส์วิถีคน วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563 เวลา 21.00 - 21.30 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
"แม่น้ำอิรวดี" เป็นแม่น้ำที่ใหญ่สุด ไหลจากเหนือจรดใต้ในประเทศเมียนมา เป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตคนที่นี่มานับพันปี มีเมืองมากมายที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนี้ ชีวิตของคนริมฝั่งอิรวดี มีความโชคดีเพราะดินดีและป่าสมบูรณ์ ทำให้การประกอบอาชีพนั้นทำได้อย่างไม่มีปัญหา เช่นที่ "เมืองกะตา" (Katha) ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ทางเหนือ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำอิรวดี "กะตา" ถือว่าเป็นแหล่งไม้สักที่ใหญ่และขึ้นชื่อของเมียนมา เล่ากันว่าสมัยก่อนนั้นเงยขึ้นไปบนฟ้าไม่เห็นแสงแดดส่องลงมา เพราะว่าป่าที่นี่คลุมไปด้วยไม้สักใหญ่ รอบ ๆ เมืองกะตา เป็นที่ผลิตของใช้จากวัสดุธรรมชาติ ถ้าเข้าไปในตลาดกะตา จะเห็นพ่อค้าแม่ค้าใช้ใบไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ใบต้นอิน" ใช้แทนใบตอง ห่อของ ห่ออาหาร และใช้ตะกร้าสานจากไม้ไผ่ ที่เรียกว่า "ตาน" โดยเฉพาะที่หมู่บ้านมะลินเจา ที่นั่นจะมีการสานตะกร้ากันทั้งหมู่บ้านทีเดียว นอกจากนั้นที่ "เมืองโชยโบ" (Shwebo) ที่นี่มีหมู่บ้านซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการทำเครื่องปั้นดินเผา ทั้งทำใช้เองและส่งขาย ทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากที่นี่มีดินที่พิเศษ ซึ่งมีทั่วไปริมฝั่งแม่น้ำอิรวดี คือ ดินสีเหลืองและดินสีแดง ซึ่งเมื่อเอามาผสมกันเครื่องปั้นดินเผาจะทำให้สีออกมาสวยงาม ชาวบ้านทุกคนสามารถมาขุดดินที่นี่ไปได้ นอกจากนั้นวิธีการทำเครื่องปั้นดินเผาโบราณของชาวบ้านที่นี่ก็ยังใช้วิธีดั้งเดิม ทุกคนใช้เพียงกำลังของข้อมือ แขน ขา และเท้า เป็นเครื่องมือในการปั้นดิน ไร้ซึ่งเทคโนโลยีทั้งปวง เป็นภาพที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน "โกวินโซ่ทุน" หัวหน้าของโรงงานแห่งหนึ่งที่นั่นเล่าให้ฟังว่า ดินอิรวดี เป็นดินที่มีบุญคุณกับชาวบ้านที่นี่มาก เพราะสร้างอาชีพและรายได้ให้กับพวกเขา แม้ว่าปัจจุบันนี้การหาช่างทำเครื่องปั้นดินเผาจะยากขึ้นทุกวัน แต่เขามั่นใจว่าหากใครที่สนใจทำจะมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวอย่างไม่ลำบาก
ติดตามในรายการซีรีส์วิถีคน วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563 เวลา 21.00 - 21.30 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live