"นายฮ้อย" คือ พ่อค้าวัว - ควาย ภาคอีสาน เป็นอาชีพที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิตของคนที่นี่มาเนิ่นนาน วิธีการทำงานในอดีต คือ ต้องไล่ต้อนวัว - ควายไปขายยังต่างถิ่น โดยใช้วิธีเดินเท้าผ่านหมู่บ้าน และจังหวัดต่าง ๆ โดยทุกครั้งหลังจากซื้อวัวแล้วจะต้องมีใบอนุญาตให้นำวัวออกจากบ้านผู้ซื้อ ซึ่งเรียกว่า "ใบปากคอก" โดยกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านสมัยนั้นต้องเป็นคนเซ็นต์รับรองจึงจะขนย้ายไล่ต้อนวัวควายออกมาได้
หมู่บ้านที่ยังเรียกได้ว่าเป็น "หมู่บ้านนายฮ้อย" คือ บ้านโตนด ต.ระแงง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ที่นี่แทบทุกครัวเรือยังทำอาชีพนายฮ้อย โดยมีทั้งนายฮ้อยรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ การซื้อขายวัวควายของที่นี่ยังคึกคัก เช่น "นายฮ้อยเหว่า" สำเภา ไหมทอง วัย 43 ปี เป็นนายฮ้อยที่มีฝีมือและลีลาในการต่อรองซื้อขายชนิดที่หาตัวจับยาก เพราะผ่านประสบการณ์การทำงานแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ทุกวันนี้นายฮ้อยเหว่า จะขับรถมอเตอร์ไซด์ตระเวนไปหาซื้อวัวควายตามหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อมารวมไว้ที่คอกในบริเวณบ้าน ก่อนที่จะเอาไปขายที่ตลาดนัดโคกระบือศรีขรภูมิ ซึ่งเปิดทุกวันเสาร์
บรรยากาศที่ตลาดนั้นจะเริ่มหนาแน่นไปด้วยรถกระบะและรถบรรทุกนับ 1,000 คัน ตั้งแต่เวลาเช้ามืด โดยจะมีนายฮ้อยที่เดินทางมาจากจังหวัดทั่วภาคอีสานและภาคอื่น ๆ เช่น ร้อยเอ็ด, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, แพร่, น่าน, อุทัยธานี และเพชรบุรี เป็นต้น ซึ่งนายฮ้อยเหล่านี้จะมาพร้อมกับวัวควายที่ตนเองนั้นไปซื้อหาเพื่อเอามาขายที่นี่ โดยนอกจากจะขายแล้วก็มีการซื้อวัวควายกลับไปด้วย
ในตลาดนัดโคกระบือแห่งนี้มีนายฮ้อยรูปแบบหนึ่งที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ยกเว้นปากที่ต้องช่างเจรจา เรียกนายฮ้อยแบบนี้ว่า "นายฮ้อยจับเชือก" ซึ่งจะทำตัวเป็นเหมือนโมเดลลิ่งนางหรือนายแบบ เพราะว่าจะมาคัดวัวควายที่มีลักษณะดีเพื่อเอาไปขายต่อตามคำสั่ง ซึ่งจุดที่นายฮ้อยจับเชือกทำงานอยู่บริเวณริมถนนด้านหน้าตลาด โดยจะยืนเรียงคิวรอดูรถของนายฮ้อยที่นำวัวควายมาขาย เมื่อเจอวัวควายที่ถูกใจตามคำสั่งของผู้ว่าจ้างที่เรียกว่า นายห้างก็จะรีบวิ่งเข้าไปเจรจา เมื่อตกลงราคากันได้แล้ว "นายฮ้อยจับเชือก" ก็จะวิ่งเกาะตามรถ บ้างก็กระโดดขึ้นรถแล้วบอกทางให้นายฮ้อยไปยังจุดที่ผู้ซื้อหรือนายห้างรอซื้ออยู่
หน้าที่ของนายฮ้อยบางคนนั้นไม่ได้จบแค่การซื้อขาย แต่บางครั้งก็จะต้องเอาวัวควายไปส่งที่บ้านลูกค้าด้วย และมากกว่านั้นจะให้คำแนะนำวิธีการเลี้ยงดู เพื่อให้คนที่ซื้อไปนั้นสามารถเลี้ยงวัวควายที่ตัวเองซื้อมาได้ถูกวิธี ซึ่งจะส่งผลให้ออกมามีลักษณะดีและราคาสูง เป็นการแสดงน้ำใจต่อกันด้วยใจที่สุงจริต นายฮ้อยที่นี่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาชีพนี้สร้างรายได้และสร้างความสุขให้คนที่นี่ พวกเขามีความสุขและรักที่จะทำต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่ไหว
การแต่งตัวนายฮ้อยที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนใหญ่จะมีผ้าขาวม้าคาดพุง โพกหัว พันหน้า บางคนสวมหมวกปีก บางคนสวมหมวกคาวบอย แต่งตัวกันแบบนี้ทั้งนายฮ้อยรุ่นเก่าและรุ่นใหม่
ติดตามในรายการซีรีส์วิถีคน วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
"นายฮ้อย" คือ พ่อค้าวัว - ควาย ภาคอีสาน เป็นอาชีพที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิตของคนที่นี่มาเนิ่นนาน วิธีการทำงานในอดีต คือ ต้องไล่ต้อนวัว - ควายไปขายยังต่างถิ่น โดยใช้วิธีเดินเท้าผ่านหมู่บ้าน และจังหวัดต่าง ๆ โดยทุกครั้งหลังจากซื้อวัวแล้วจะต้องมีใบอนุญาตให้นำวัวออกจากบ้านผู้ซื้อ ซึ่งเรียกว่า "ใบปากคอก" โดยกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านสมัยนั้นต้องเป็นคนเซ็นต์รับรองจึงจะขนย้ายไล่ต้อนวัวควายออกมาได้
หมู่บ้านที่ยังเรียกได้ว่าเป็น "หมู่บ้านนายฮ้อย" คือ บ้านโตนด ต.ระแงง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ที่นี่แทบทุกครัวเรือยังทำอาชีพนายฮ้อย โดยมีทั้งนายฮ้อยรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ การซื้อขายวัวควายของที่นี่ยังคึกคัก เช่น "นายฮ้อยเหว่า" สำเภา ไหมทอง วัย 43 ปี เป็นนายฮ้อยที่มีฝีมือและลีลาในการต่อรองซื้อขายชนิดที่หาตัวจับยาก เพราะผ่านประสบการณ์การทำงานแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ทุกวันนี้นายฮ้อยเหว่า จะขับรถมอเตอร์ไซด์ตระเวนไปหาซื้อวัวควายตามหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อมารวมไว้ที่คอกในบริเวณบ้าน ก่อนที่จะเอาไปขายที่ตลาดนัดโคกระบือศรีขรภูมิ ซึ่งเปิดทุกวันเสาร์
บรรยากาศที่ตลาดนั้นจะเริ่มหนาแน่นไปด้วยรถกระบะและรถบรรทุกนับ 1,000 คัน ตั้งแต่เวลาเช้ามืด โดยจะมีนายฮ้อยที่เดินทางมาจากจังหวัดทั่วภาคอีสานและภาคอื่น ๆ เช่น ร้อยเอ็ด, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, แพร่, น่าน, อุทัยธานี และเพชรบุรี เป็นต้น ซึ่งนายฮ้อยเหล่านี้จะมาพร้อมกับวัวควายที่ตนเองนั้นไปซื้อหาเพื่อเอามาขายที่นี่ โดยนอกจากจะขายแล้วก็มีการซื้อวัวควายกลับไปด้วย
ในตลาดนัดโคกระบือแห่งนี้มีนายฮ้อยรูปแบบหนึ่งที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ยกเว้นปากที่ต้องช่างเจรจา เรียกนายฮ้อยแบบนี้ว่า "นายฮ้อยจับเชือก" ซึ่งจะทำตัวเป็นเหมือนโมเดลลิ่งนางหรือนายแบบ เพราะว่าจะมาคัดวัวควายที่มีลักษณะดีเพื่อเอาไปขายต่อตามคำสั่ง ซึ่งจุดที่นายฮ้อยจับเชือกทำงานอยู่บริเวณริมถนนด้านหน้าตลาด โดยจะยืนเรียงคิวรอดูรถของนายฮ้อยที่นำวัวควายมาขาย เมื่อเจอวัวควายที่ถูกใจตามคำสั่งของผู้ว่าจ้างที่เรียกว่า นายห้างก็จะรีบวิ่งเข้าไปเจรจา เมื่อตกลงราคากันได้แล้ว "นายฮ้อยจับเชือก" ก็จะวิ่งเกาะตามรถ บ้างก็กระโดดขึ้นรถแล้วบอกทางให้นายฮ้อยไปยังจุดที่ผู้ซื้อหรือนายห้างรอซื้ออยู่
หน้าที่ของนายฮ้อยบางคนนั้นไม่ได้จบแค่การซื้อขาย แต่บางครั้งก็จะต้องเอาวัวควายไปส่งที่บ้านลูกค้าด้วย และมากกว่านั้นจะให้คำแนะนำวิธีการเลี้ยงดู เพื่อให้คนที่ซื้อไปนั้นสามารถเลี้ยงวัวควายที่ตัวเองซื้อมาได้ถูกวิธี ซึ่งจะส่งผลให้ออกมามีลักษณะดีและราคาสูง เป็นการแสดงน้ำใจต่อกันด้วยใจที่สุงจริต นายฮ้อยที่นี่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาชีพนี้สร้างรายได้และสร้างความสุขให้คนที่นี่ พวกเขามีความสุขและรักที่จะทำต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่ไหว
การแต่งตัวนายฮ้อยที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนใหญ่จะมีผ้าขาวม้าคาดพุง โพกหัว พันหน้า บางคนสวมหมวกปีก บางคนสวมหมวกคาวบอย แต่งตัวกันแบบนี้ทั้งนายฮ้อยรุ่นเก่าและรุ่นใหม่
ติดตามในรายการซีรีส์วิถีคน วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live