อาชีพโสเภณีถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ พบได้ในแทบทุกวัฒนธรรมทั่วโลก สำหรับในประวัติศาสตร์ไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีหลักฐานย้อนไปถึงสมัยพุทธกาล โดยปรากฏในเรื่องราวเกี่ยวกับนางงามเมืองหรือนางคณิกา ซึ่งเป็นหญิงที่มีอาชีพให้บริการทางเพศโดยได้รับค่าตอบแทน
ในสังคมไทยโบราณ โสเภณีมีการจัดตั้งเป็นสำนักต่าง ๆ ได้แก่ สำนักนางคณิกา สำนักโสเภณี หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าสำนักโคมเขียว ซึ่งมีการบริหารจัดการเป็นระบบและมีตำแหน่งแห่งที่ในสังคม โดยมีการเรียกการประกอบอาชีพนี้ว่า "รับกระทำชำเราบุรุษ" ตามภาษาราชการสมัยก่อน
โสเภณีในประวัติศาสตร์ไทยสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามที่มา
1.โสเภณีที่ถูกบิดามารดาขายตัว - เป็นกลุ่มที่มีลักษณะคล้ายกับระบบทาสในสมัยโบราณ ที่พ่อแม่มีสิทธิขายลูกของตนเพื่อประกอบอาชีพนี้ได้ โดยเฉพาะในครอบครัวที่ยากจนหรือมีหนี้สิน
2.โสเภณีที่ขายตัวเอง - กลุ่มที่ตัดสินใจประกอบอาชีพนี้ด้วยความสมัครใจ อาจเป็นเพราะความยากลำบากทางเศรษฐกิจ หรือเห็นว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอาชีพอื่นที่มีอยู่ในสมัยนั้น
3.โสเภณีที่ถูกจับมา - กลุ่มที่ถูกบังคับหรือหลอกลวงให้มาประกอบอาชีพนี้ ซึ่งเทียบได้กับการค้ามนุษย์ในปัจจุบัน โดยอาจเป็นการลักพาตัวหรือใช้กลอุบายต่าง ๆ
นอกจากการแบ่งตามที่มาแล้ว ในสังคมไทยโบราณยังมีการแบ่งโสเภณีตามชนชั้นและเชื้อชาติอีกด้วย
1.โสเภณีที่เป็นลูกขุนนางหรือคนไทยเดิม - กลุ่มที่มีต้นตระกูลดีหรือเป็นคนไทยพื้นเมือง มักจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าและอาจมีลูกค้าที่มีฐานะดี
2.โสเภณีเชื้อชาติอื่น - เช่น ชาวมอญ หรือชาติอื่น ๆ ในภูมิภาค ที่อาจเข้ามาประกอบอาชีพนี้ในสยามด้วยเหตุผลต่าง ๆ
3.โสเภณีนำเข้าจากต่างประเทศ - โดยเฉพาะโสเภณีจากจีนที่มีการบันทึกไว้ว่ามีการนำเข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดบริการพิเศษ
ระบบโสเภณีในอดีตมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจและสังคมอย่างแนบแน่น แต่เราเคยตั้งคำถามหรือไม่ว่า สถานะทางสังคมของโสเภณีในแต่ละยุคสมัยแตกต่างกันอย่างไร? การยอมรับหรือตีตราทางสังคมมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาหรือไม่?
????ชม #ละคร #สังข์ทองไม้พลองทองใบ กับการตายของคุณพระ ได้ทาง www.VIPA.me และ www.thaipbs.or.th/TheDeathOfKhunphra
อาชีพโสเภณีถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ พบได้ในแทบทุกวัฒนธรรมทั่วโลก สำหรับในประวัติศาสตร์ไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีหลักฐานย้อนไปถึงสมัยพุทธกาล โดยปรากฏในเรื่องราวเกี่ยวกับนางงามเมืองหรือนางคณิกา ซึ่งเป็นหญิงที่มีอาชีพให้บริการทางเพศโดยได้รับค่าตอบแทน
ในสังคมไทยโบราณ โสเภณีมีการจัดตั้งเป็นสำนักต่าง ๆ ได้แก่ สำนักนางคณิกา สำนักโสเภณี หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าสำนักโคมเขียว ซึ่งมีการบริหารจัดการเป็นระบบและมีตำแหน่งแห่งที่ในสังคม โดยมีการเรียกการประกอบอาชีพนี้ว่า "รับกระทำชำเราบุรุษ" ตามภาษาราชการสมัยก่อน
โสเภณีในประวัติศาสตร์ไทยสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามที่มา
1.โสเภณีที่ถูกบิดามารดาขายตัว - เป็นกลุ่มที่มีลักษณะคล้ายกับระบบทาสในสมัยโบราณ ที่พ่อแม่มีสิทธิขายลูกของตนเพื่อประกอบอาชีพนี้ได้ โดยเฉพาะในครอบครัวที่ยากจนหรือมีหนี้สิน
2.โสเภณีที่ขายตัวเอง - กลุ่มที่ตัดสินใจประกอบอาชีพนี้ด้วยความสมัครใจ อาจเป็นเพราะความยากลำบากทางเศรษฐกิจ หรือเห็นว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอาชีพอื่นที่มีอยู่ในสมัยนั้น
3.โสเภณีที่ถูกจับมา - กลุ่มที่ถูกบังคับหรือหลอกลวงให้มาประกอบอาชีพนี้ ซึ่งเทียบได้กับการค้ามนุษย์ในปัจจุบัน โดยอาจเป็นการลักพาตัวหรือใช้กลอุบายต่าง ๆ
นอกจากการแบ่งตามที่มาแล้ว ในสังคมไทยโบราณยังมีการแบ่งโสเภณีตามชนชั้นและเชื้อชาติอีกด้วย
1.โสเภณีที่เป็นลูกขุนนางหรือคนไทยเดิม - กลุ่มที่มีต้นตระกูลดีหรือเป็นคนไทยพื้นเมือง มักจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าและอาจมีลูกค้าที่มีฐานะดี
2.โสเภณีเชื้อชาติอื่น - เช่น ชาวมอญ หรือชาติอื่น ๆ ในภูมิภาค ที่อาจเข้ามาประกอบอาชีพนี้ในสยามด้วยเหตุผลต่าง ๆ
3.โสเภณีนำเข้าจากต่างประเทศ - โดยเฉพาะโสเภณีจากจีนที่มีการบันทึกไว้ว่ามีการนำเข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดบริการพิเศษ
ระบบโสเภณีในอดีตมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจและสังคมอย่างแนบแน่น แต่เราเคยตั้งคำถามหรือไม่ว่า สถานะทางสังคมของโสเภณีในแต่ละยุคสมัยแตกต่างกันอย่างไร? การยอมรับหรือตีตราทางสังคมมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาหรือไม่?
????ชม #ละคร #สังข์ทองไม้พลองทองใบ กับการตายของคุณพระ ได้ทาง www.VIPA.me และ www.thaipbs.or.th/TheDeathOfKhunphra