ในสังคมไทยโบราณ พิธีศพมีความแตกต่างกันไปตามชนชั้นและฐานันดรศักดิ์ของผู้วายชนม์ โดยสามารถแบ่งได้หลายระดับตามลำดับชั้นทางสังคม ตั้งแต่สามัญชนไปจนถึงพระมหากษัตริย์ ซึ่งแต่ละระดับจะมีรายละเอียดและขั้นตอนการจัดงานที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับชนชั้นล่างสุดของสังคม อย่างไพร่และทาสธรรมดา เมื่อเสียชีวิตอาจไม่ได้รับการจัดพิธีศพใด ๆ เลย เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านฐานะและไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะจัดงาน บางครั้งอาจเพียงฝังหรือทิ้งร่างไว้ตามประเพณีท้องถิ่นอย่างเรียบง่าย
ในขณะที่คนระดับคหบดีที่มีฐานะดีกว่า จะได้รับการจัดพิธีศพด้วยการเผาตามประเพณี มีการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดและทำบุญอุทิศส่วนกุศล แต่ยังคงเป็นงานที่เรียบง่าย ไม่มีความวิจิตรหรือยิ่งใหญ่มากนัก
ถัดขึ้นมาคือกลุ่มขุนนาง ซึ่งจะมีพิธีศพที่ยิ่งใหญ่ตามยศถาบรรดาศักดิ์ โดยสิ่งที่บ่งบอกยศของขุนนางนอกจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์และผ้าต่าง ๆ แล้ว โลงศพก็เป็นเครื่องบอกยศที่สำคัญเช่นกัน ขุนนางที่มียศสูงกว่าจะได้รับโลงศพที่มีความวิจิตรและสง่างามกว่า มีการตกแต่งที่ประณีตและใช้วัสดุมีค่ากว่า
ส่วนชั้นเจ้านายจะมีพิธีศพที่แตกต่างกันไปตามพระอิสริยยศ ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ พระบรมราชินี เจ้าฟ้า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้า และหม่อมเจ้า โดยพระมหากษัตริย์จะมีพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลยาวนานถึงหนึ่งปี เนื่องจากต้องสร้างพระเมรุมาศขนาดใหญ่กลางพระนคร
มีเพียงพระมหากษัตริย์และเจ้านายชั้นเจ้าฟ้าเท่านั้นที่สามารถเผาพระศพกลางสนามหลวงได้ ในขณะที่ขุนนาง ประชาชนทั่วไปในกรุงเทพมหานคร ต้องเผาภายนอกพระนคร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในเรื่องของพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และข้อปฏิบัติตามฐานันดรอย่างชัดเจน
พิธีศพในสมัยโบราณจึงเป็นเสมือนกระจกสะท้อนโครงสร้างสังคมและลำดับชั้นที่มีมาแต่โบราณ แต่เราเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมพื้นที่ในการเผาศพถึงมีความสำคัญขนาดนั้น? ความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายของคนต่างชนชั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? และในปัจจุบัน ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติแบบโบราณที่ยังคงสืบทอดอยู่หรือไม่?
????ชม #ละคร #สังข์ทองไม้พลองทองใบ กับการตายของคุณพระ ได้ทาง www.VIPA.me และ www.thaipbs.or.th/TheDeathOfKhunphra
ในสังคมไทยโบราณ พิธีศพมีความแตกต่างกันไปตามชนชั้นและฐานันดรศักดิ์ของผู้วายชนม์ โดยสามารถแบ่งได้หลายระดับตามลำดับชั้นทางสังคม ตั้งแต่สามัญชนไปจนถึงพระมหากษัตริย์ ซึ่งแต่ละระดับจะมีรายละเอียดและขั้นตอนการจัดงานที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับชนชั้นล่างสุดของสังคม อย่างไพร่และทาสธรรมดา เมื่อเสียชีวิตอาจไม่ได้รับการจัดพิธีศพใด ๆ เลย เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านฐานะและไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะจัดงาน บางครั้งอาจเพียงฝังหรือทิ้งร่างไว้ตามประเพณีท้องถิ่นอย่างเรียบง่าย
ในขณะที่คนระดับคหบดีที่มีฐานะดีกว่า จะได้รับการจัดพิธีศพด้วยการเผาตามประเพณี มีการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดและทำบุญอุทิศส่วนกุศล แต่ยังคงเป็นงานที่เรียบง่าย ไม่มีความวิจิตรหรือยิ่งใหญ่มากนัก
ถัดขึ้นมาคือกลุ่มขุนนาง ซึ่งจะมีพิธีศพที่ยิ่งใหญ่ตามยศถาบรรดาศักดิ์ โดยสิ่งที่บ่งบอกยศของขุนนางนอกจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์และผ้าต่าง ๆ แล้ว โลงศพก็เป็นเครื่องบอกยศที่สำคัญเช่นกัน ขุนนางที่มียศสูงกว่าจะได้รับโลงศพที่มีความวิจิตรและสง่างามกว่า มีการตกแต่งที่ประณีตและใช้วัสดุมีค่ากว่า
ส่วนชั้นเจ้านายจะมีพิธีศพที่แตกต่างกันไปตามพระอิสริยยศ ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ พระบรมราชินี เจ้าฟ้า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้า และหม่อมเจ้า โดยพระมหากษัตริย์จะมีพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลยาวนานถึงหนึ่งปี เนื่องจากต้องสร้างพระเมรุมาศขนาดใหญ่กลางพระนคร
มีเพียงพระมหากษัตริย์และเจ้านายชั้นเจ้าฟ้าเท่านั้นที่สามารถเผาพระศพกลางสนามหลวงได้ ในขณะที่ขุนนาง ประชาชนทั่วไปในกรุงเทพมหานคร ต้องเผาภายนอกพระนคร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในเรื่องของพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และข้อปฏิบัติตามฐานันดรอย่างชัดเจน
พิธีศพในสมัยโบราณจึงเป็นเสมือนกระจกสะท้อนโครงสร้างสังคมและลำดับชั้นที่มีมาแต่โบราณ แต่เราเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมพื้นที่ในการเผาศพถึงมีความสำคัญขนาดนั้น? ความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายของคนต่างชนชั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? และในปัจจุบัน ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติแบบโบราณที่ยังคงสืบทอดอยู่หรือไม่?
????ชม #ละคร #สังข์ทองไม้พลองทองใบ กับการตายของคุณพระ ได้ทาง www.VIPA.me และ www.thaipbs.or.th/TheDeathOfKhunphra