ชาไทยเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยกลิ่นหอมและรสชาติหวานมัน ปัจจุบันมีการผลิตชาไทยโดยการเติมสีสังเคราะห์เข้าไป เพื่อให้สีของชามีความสดใสน่าดื่มมากขึ้น สีที่ใช้มักเป็น "sunset yellow fcf" ซึ่งเป็นสีสังเคราะห์ที่ได้จากกระบวนการทางเคมี
ในโลกโซเชียล มีการพูดถึงประเด็นผลกระทบของสีชาไทยต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการก่อให้เกิดโรคมะเร็งและโรคสมาธิสั้น ซึ่งเป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจ แต่จากการศึกษาพบว่า
การใช้สีสังเคราะห์อาจส่งผลให้เด็กที่มีความไวหรือเป็นโรคสมาธิสั้นมีอาการเปลี่ยนแปลงไป เช่น ความใจจดใจจ่อลดลง แต่ข้อมูลการศึกษายังไม่ชัดเจนว่าเป็นสาเหตุโดยตรง
การศึกษาในเชิงคลินิกพบว่า สีย้อมอาหารไม่ได้ทำให้มนุษย์เป็นมะเร็งโดยตรง แต่การศึกษาในเซลล์หรือสัตว์ทดลองที่ใช้ปริมาณสูงมาก อาจส่งผลเสียได้ ดังนั้นการศึกษาเพิ่มเติมในระยะยาวจึงยังจำเป็น
จากข้อมูลข้างต้น จึงไม่จำเป็นต้องตกใจหรือหลีกเลี่ยงการดื่มชาไทยโดยสิ้นเชิง แต่ควรระมัดระวังในปริมาณการบริโภค
ชาไทยตามธรรมชาติจะมีสีน้ำตาลอ่อน ๆ หากพบชาที่มีสีส้มสดใสจัด อาจเป็นการเติมสีสังเคราะห์เพิ่มเติม ซึ่งควรหลีกเลี่ยง
ตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข ควรได้รับสารสีย้อมอาหารไม่เกิน 240 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้น การดื่มชาไทยไม่ควรเกิน 1 แก้วต่อวัน หรือ 2 แก้วในกรณีที่ชามีสีเข้มจัด
ชาไทยเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูง แต่การเติมสีสังเคราะห์เพื่อให้สีสันสวยงามนั้น อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้น ผู้บริโภคควรตรวจสอบสีและปริมาณการบริโภคชาไทยให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
ชมย้อนหลังรายการ "วันใหม่วาไรตี้" ในช่วง "รู้ทันกันได้" ได้ที่ www.thaipbs.or.th/RuTanKanDai
ชาไทยเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยกลิ่นหอมและรสชาติหวานมัน ปัจจุบันมีการผลิตชาไทยโดยการเติมสีสังเคราะห์เข้าไป เพื่อให้สีของชามีความสดใสน่าดื่มมากขึ้น สีที่ใช้มักเป็น "sunset yellow fcf" ซึ่งเป็นสีสังเคราะห์ที่ได้จากกระบวนการทางเคมี
ในโลกโซเชียล มีการพูดถึงประเด็นผลกระทบของสีชาไทยต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการก่อให้เกิดโรคมะเร็งและโรคสมาธิสั้น ซึ่งเป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจ แต่จากการศึกษาพบว่า
การใช้สีสังเคราะห์อาจส่งผลให้เด็กที่มีความไวหรือเป็นโรคสมาธิสั้นมีอาการเปลี่ยนแปลงไป เช่น ความใจจดใจจ่อลดลง แต่ข้อมูลการศึกษายังไม่ชัดเจนว่าเป็นสาเหตุโดยตรง
การศึกษาในเชิงคลินิกพบว่า สีย้อมอาหารไม่ได้ทำให้มนุษย์เป็นมะเร็งโดยตรง แต่การศึกษาในเซลล์หรือสัตว์ทดลองที่ใช้ปริมาณสูงมาก อาจส่งผลเสียได้ ดังนั้นการศึกษาเพิ่มเติมในระยะยาวจึงยังจำเป็น
จากข้อมูลข้างต้น จึงไม่จำเป็นต้องตกใจหรือหลีกเลี่ยงการดื่มชาไทยโดยสิ้นเชิง แต่ควรระมัดระวังในปริมาณการบริโภค
ชาไทยตามธรรมชาติจะมีสีน้ำตาลอ่อน ๆ หากพบชาที่มีสีส้มสดใสจัด อาจเป็นการเติมสีสังเคราะห์เพิ่มเติม ซึ่งควรหลีกเลี่ยง
ตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข ควรได้รับสารสีย้อมอาหารไม่เกิน 240 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้น การดื่มชาไทยไม่ควรเกิน 1 แก้วต่อวัน หรือ 2 แก้วในกรณีที่ชามีสีเข้มจัด
ชาไทยเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูง แต่การเติมสีสังเคราะห์เพื่อให้สีสันสวยงามนั้น อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้น ผู้บริโภคควรตรวจสอบสีและปริมาณการบริโภคชาไทยให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
ชมย้อนหลังรายการ "วันใหม่วาไรตี้" ในช่วง "รู้ทันกันได้" ได้ที่ www.thaipbs.or.th/RuTanKanDai