ข้อมูลจาก Public Citizen ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนสิทธิผู้บริโภคในสหรัฐฯ เมื่อปี 2566 ระบุว่า การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าปกติทุก ๆ 1 องศาเซลเซียส จะเพิ่มความเสี่ยงของการได้รับบาดเจ็บ 1% แต่ถ้ายิ่งร้อนมากขึ้นเท่าใด ผลกระทบที่ตามมาก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
อากาศร้อนไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของแรงงานเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลจากการทำงานลดลงด้วย โดยผลการศึกษาจาก ILO ชี้ว่า งานจะสำเร็จช้าลง หรือคืบหน้าไม่เป็นไปตามเป้า ถ้าคนเราต้องทำงานในอุณหภูมิสูง 24-26 องศาเซลเซียส
แต่ถ้าอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นเป็น 33-34 องศาเซลเซียส ปริมาณงานที่ทำสำเร็จจะลดลงถึงครึ่งหนึ่งสำหรับงานที่ต้องใช้แรง ดังนั้น ตอนนี้ที่อากาศร้อนทะลุ 40 องศาเซลเซียสในหลายประเทศ การทำงานท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด อาจได้ไม่คุ้มเสีย
ข้อมูลจาก Public Citizen ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนสิทธิผู้บริโภคในสหรัฐฯ เมื่อปี 2566 ระบุว่า การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าปกติทุก ๆ 1 องศาเซลเซียส จะเพิ่มความเสี่ยงของการได้รับบาดเจ็บ 1% แต่ถ้ายิ่งร้อนมากขึ้นเท่าใด ผลกระทบที่ตามมาก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
อากาศร้อนไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของแรงงานเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลจากการทำงานลดลงด้วย โดยผลการศึกษาจาก ILO ชี้ว่า งานจะสำเร็จช้าลง หรือคืบหน้าไม่เป็นไปตามเป้า ถ้าคนเราต้องทำงานในอุณหภูมิสูง 24-26 องศาเซลเซียส
แต่ถ้าอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นเป็น 33-34 องศาเซลเซียส ปริมาณงานที่ทำสำเร็จจะลดลงถึงครึ่งหนึ่งสำหรับงานที่ต้องใช้แรง ดังนั้น ตอนนี้ที่อากาศร้อนทะลุ 40 องศาเซลเซียสในหลายประเทศ การทำงานท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด อาจได้ไม่คุ้มเสีย