หลังจากมีการสื่อสารคลาดเคลื่อน โดยใช้คำว่ากระทรวงศึกษาธิการ “ยกเลิก” ชุดนักเรียน ทำให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิด นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงว่าหนังสือ เรื่องการยกเว้นหรือผ่อนผันการแต่งเครื่องแบบนักเรียน มีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของนักเรียนและผู้ปกครอง ซึ่งมาจากการสำรวจความเดือดร้อนของผู้ปกครองนักเรียนก่อนหน้านี้ จึงแจ้งให้สถานศึกษาในสังกัด พิจารณายกเว้นหรือผ่อนผันการแต่งเครื่องแบบและรองเท้าของนักเรียน เป็นชุดหรือรองเท้าอื่น โดยคำนึงถึงความประหยัดและเหมาะสมไม่ใช่การยกเลิกชุดนักเรียนแต่อย่างใด
กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย กรณีเฟซบุ๊ก “สภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา” โพสต์รูปภาพระเบียบการแต่งกายของนักเรียนประจำปีการศึกษา 2567 ระบุถึงเครื่องแบบการแต่งกายของนักเรียนที่เป็น LGBTQ+ เพศกำเนิดชายสามารถไว้ผมยาวได้ แต่ต้องมัดผมรวบไปไว้ข้างหลังพร้อมผูกโบว์สีขาว ส่วนเพศกำเนิดหญิงสามารถไว้ผมสั้น ตัดทรงรองทรงได้ ซึ่งมีการแชร์โพสต์นี้ต่อเป็นจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปโรงเรียนบุญวัฒนา พูดคุยกับนายวิเชียร ทองคลี่ ผู้อำนวยการโรงเรียน บอกว่า ทีมงานบริหารโรงเรียนได้ประชุมร่วมกับทางผู้ปกครองและสภานักเรียน ก่อนออกระเบียบดังกล่าว เพื่อให้นักเรียนได้แต่งกายตามเพศสภาพ ซึ่งเมื่อมีผลตอบรับที่ดีจากสังคมตนเองก็รู้สึกดีใจ โดยข้อตกลงร่วมกันคือ หากนักเรียนกลุ่ม LGBTQ+ คนไหน ประสงค์จะแต่งกายหรือไว้ทรงผมตามความต้องการ จะต้องแจ้งให้ผู้ปกครองทราบก่อน และทำเรื่องขออนุญาต โดยมีครูที่ปรึกษา ครูแนะแนวร่วมพิจารณา จากนั้นจึงจะสามารถแต่งกายและไว้ทรงผมตามระเบียบนี้ได้
ผู้ปกครองนักเรียนหญิงชั้น ป.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ พาสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบห้องน้ำภายในบ้าน หลังเกิดเหตุครูประจำชั้นกระทำอนาจารหลานสาว โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ครูแกล้งทำทีว่าจะมาขอเข้าห้องน้ำ แต่พอสบโอกาสได้ผลักหลานสาวเข้าห้องน้ำและพยายามกระทำอนาจาร ครั้งล่าสุดวันที่ 22 มีนาคม ครูคนดังกล่าวทำทีนำกางเกงมาเปลี่ยนซิบและนั่งคุยกับหลานสาว เมื่อสบโอกาสได้พยายามกระทำอนาจารอีกครั้ง จึงพาหลานสาวเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.วังโป่ง แต่จนถึงขณะนี้เรื่องยังไม่มีความคืบหน้า กังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องสื่อมวลชนช่วยเหลือติดตามคดีดังกล่าว
วันนี้ (17 มี.ค. 67) แม่ของเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ร้องสื่อมวลชน อ้างว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา ลูกสาวซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ป.1 ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ลูกได้เล่าว่าถูกครูทำร้ายร่างกาย โดยใช้มือทุบหลังและขังในห้องเก็บของ ทำให้มีอาการหวาดกลัว ร้องไห้ ไม่กล้าไปโรงเรียน หลังเกิดเหตุ แม่ได้เข้าพบผู้บริหารโรงเรียนรวมทั้งครูที่เด็กอ้างถึง แต่ครูไม่ยอมรับว่าได้ทำร้ายร่างกายเด็ก จากนั้นได้เชิญแม่ไปพูดคุยอีกครั้ง พร้อมแจ้งว่าจะดำเนินการตักเตือนครู ซึ่งตัวแม่มองว่าเพียงมาตรการดังกล่าวไม่เป็นธรรม เพราะครูคนดังกล่าว ไม่ได้แสดงความขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ลานสัก เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของครู
กรณีนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา อ้างว่าถูกครูพละ เรียกเก็บเงิน 200 บาท เป็นค่าแก้ติด ร. ซึ่งเรื่องนี้เพจดังเอาข้อมูลมาเปิดเผย แม้ว่าท้ายที่สุดครูพละ จะชี้แจงอ้างว่าเป็นการโอนเงินเพื่อที่จะซื้อของมาให้นั้น วันนี้ (17 มี.ค. 67) ไทยพีบีเอส ตรวจสอบพบว่า ครูคนดังกล่าวได้เริ่มทยอยโอนเงินคืนให้เด็กหลายคนแล้ว
เป็นอีกหนึ่งโมเดลในการพัฒนานักเรียน ให้มีแรงบันดาลใจในอาชีพและทักษะความรู้มากกว่าในตำรา กับแนวทางของโรงเรียนสันติวนา ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ที่สอนชงกาแฟ และเครื่องดื่มต่าง ๆ รวมถึงการทำขนมให้นักเรียน โดยได้ลงมือทำขายจริง ๆ และมีรายได้เสริมหลังเลิกเรียน โดยมีครูเป็นพี่เลี้ยง เพื่อเปิดประสบการณ์ สร้างแรงจูงใจและทางเลือกให้นักเรียนเกิดความสนใจในอาชีพในอนาคต
อีกโมเดลแก้ปัญหานักเรียนที่มาจากครอบครัวรายได้น้อย โดยครูยุทธ-ธชกร รอดเพ็ง ครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนมัธยมวัดควนวิเศษมูลนิธิ จ.ตรัง เปิดให้นักเรียนได้มาทำงานหารายได้เสริมหลังเลิกเรียน ที่ร้านอาหาร “เรือจ้างข้างคลอง” ที่ครูยุทธเป็นเจ้าของร้าน โดยเด็ก ๆ จะมีรายได้เสริมเฉลี่ยวันละ 250 – 300 บาท ไม่รวมทิปจากลูกค้า
คณะครูและผู้บริหารสถานศึกษาใน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ประชุมร่วมกับผู้ปกครอง พร้อมสอบข้อเท็จจริงกรณีกลุ่มเด็กนักเรียนชั้น ป.5 ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งเป็นเด็กสมาธิสั้น และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงภายในโรงเรียน
คุณผู้ชมอาจจะเป็นคนนึง ที่เคยใช้สติกเกอร์รูปหัวใจ แสดงความรักในวันวาเลนไทน์ อาจจะเป็นของขวัณแทนความรู้สึกที่ราคาย่อมเยาที่สุดอย่างหนึ่ง ในอดีตแพร่หลายอย่างมาก ปัจจุบันก็ยังมีให้เห็น อย่างกิจกรรม รักใครให้ติดสติกเกอร์ ของโรงเรียนเทพปัญญา จังหวัดอุดรธานี