เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุม ก.ตร. ใช้เวลาประชุม 3 ชั่วโมง โดยที่ประชุม ก.ตร. โหวตวาระสำคัญ เรื่อง พล.ต.อ. วินัย ทองสอง ก.ตร. เสนอผลการประชุม อนุฯ ก.ตร. วินัย มีความเห็นชอบกับคำสั่ง "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ. กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ให้ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน ตามรายงาน ระบุว่า มีการถกเถียงประเด็นดังกล่าว สุดท้ายนายกฯ ให้โหวตลงความคิดเห็นของ ก.ตร. ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ 12 ต่อ 0 ให้ความเห็นชอบ คำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการไว้ก่อน สำหรับกรณีที่การพิจารณายกเลิก หรือ เพิกถอนคำสั่ง ไม่อยู่ในอำนาจของ ก.ตร. แต่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ที่ประชุมจึงมีมติ และเห็นว่า ผู้ร้องได้ใช้สิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนดต่อ ก.พ.ค.ตร. แล้ว จึงให้ผู้ร้องรอการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร. ต่อไป
รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้ กองวินัย เร่งตรวจสอบคุณสมบัติ กรรมการสอบสวนข้าราชการตำรวจ 9 คน ที่ #บิ๊กโจ๊ก ยื่นหนังสือคัดค้าน เพราะกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม ???? ติดตามสถานการณ์ข่าวรอบวัน ได้ที่ www.thaipbs.or.th/news #ข่าวไทยพีบีเอส #ข่าวที่คุณวางใจ #ThaiPBS
นายเศรษฐา ทวีสิน แจงคำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการ ไม่เกี่ยวข้องกับการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และสามารถทำคู่ขนานกันได้ ย้ำ ไม่อยากไปกดดัน หรือเร่งรัดกระบวนการ ชมรายการชั่วโมงข่าวเสาร์อาทิตย์ ที่ www.thaipbs.or.th/program/NewsHour/episodes/101184
แม้จะยังมีลู่ทางอุทธรณ์คำสั่ง "ให้ออกจากราชการไว้ก่อน" ในช่วงเวลาจากนี้ อีก 90 วัน แต่เส้นทางของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่น่าจะสดใส เพราะนอกจากต้องหาทางชี้แจงตัวเอง ยังต้องต่อสู้คดีอาญา ขณะที่นักวิชาการ และอดีตตำรวจ มองอนาคตของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ว่าจะยังมีโอกาสลุ้นนั่งแคนดิเดต ผบ.ตร. อีกหรือไม่ ซึ่งก็คาดว่า น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะต้องใช้เวลาในการต่อสู้คดีหลายปี
วิบากกรรม ของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ในช่วงนี้ด้านคดีความ ดูจะหนักหน่วงเพราะนอกจากเมื่อวานที่ผ่านมา คณะกรรมการสอบปมขัดแย้ง ที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น จะสรุปผลตามความเห็นตาม ศาล ว่ามีความผิดเข้าข่าย "ฐานฟอกเงิน" ตามข้อกล่าวหา ตำรวจ ปปป. ยังตรวจพบว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ และลูกน้อง แสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และ ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบและชี้มูล อีก 2 ข้อหา
น่าจะไม่จบง่าย ๆ ปัญหาในวงการตำรวจ การออกมาเปิดข้อมูลเส้นทางการเงินของเครือข่ายพนันออนไลน์ที่อ้างว่าโยงถึงคนใกล้ชิดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ของนายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” และได้ยื่นข้อมูลให้ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ตรวจสอบ ทำให้ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ตั้งทีมทนายฟ้อง “ทนายตั้ม” ข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ขณะที่ ป.ป.ช. ก็พร้อมตรวจสอบแต่ต้องรอให้ "ทนายตั้ม" ส่งข้อมูลมาก่อน
นายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามคำสั่งย้าย 2 นายพลตำรวจไปเมื่อสัปดาห์ก่อนเลยได้เห็น ผบ.ตร. และ รอง ผบ.ตร. ไปรายงานตัวที่สำนักนายกรัฐมนตรี คาดการณ์กันว่าคำสั่งนี้ ออกมาเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลุกลามบานปลาย แต่เรื่องที่ดูเหมือนว่าน่าจะจบ อย่างน้อยก็ให้คดีความที่ค้างคาได้เดินหน้าตามกระบวนการอย่างสงบ แต่มันไม่จบอย่างที่บางคนคาดหวังไว้ หรืออาจจะรวมคนที่ลงนามคำสั่งย้ายด้วย หลังทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่อ้างว่าเชื่อมโยงถึงนายตำรวจระดับสูง
ฟังมุมมองปัญหาความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านมุมมองอดีต ผบ.ตร. "พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส" หนึ่งใน ผบ.ตร. ที่เคยถูกย้ายช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งกรณีคำสั่งโยกย้าย "บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก" ประเมินไปถึงผลการพิจารณาของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
ไล่เรียงเหตุการณ์หลัง “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” ที่ทั้งคู่ นั่งโต๊ะคู่เคลียร์ “รอยร้าว” ระหว่างพี่กับน้อง ปมเว็บพนันออนไลน์ ที่กลายเป็นชักศึกเข้ากรมปทุมวันต่อเนื่องมานานกว่า 5 เดือน ยิ่งสาวยิ่งเจอตอ จนต้องทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ด้วยการจูงมือกันไปพบ “นายกรัฐมนตรี” ก่อนจะกลับมาแถลงข่าวชื่นมื่น กอดเอวโชว์สื่อ ต่อมา ไม่ถึง 2 ชั่วโมง กลายเป็นกอดคอเด้งเข้ากรุ เมื่อ “ฟ้าผ่า” เปรี้ยง ลงใจกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีคำสั่งตรงจากทำเนียบรัฐบาลว่า “นายกฯ นิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” เข้ามาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี คำถามที่ตามมาคือกระบวณการต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เรื่องคดี-หมายเรียก จะจบแบบไหนหรือจะปล่อยให้เงียบ ? พูดคุยกับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
พูดคุยกับ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ถึงสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดตลอดชีวิตรับราชการตำรวจ เส้นทางการรับราชการ "บิ๊กต่อ" ได้รับฉายา “มือปราบสายธรรมะ” และ “โรโบคอปสายบุญ” เนื่องจากบรรดาสื่อมวลชนสายอาชญากรรม - ตำรวจ ขนานนามให้ จากภาพที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มักจะเป็นนายตำรวจที่ใช้หลักธรรมในการทำงาน และเดินสายปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่าง ๆ