การจุดคบเพลิงโอลิมปิกในอดีตจนถึงปัจจุบัน
พิธีจุดไฟในกระถางคบเพลิง ของโอลิมปิก 1948 ซึ่งเป็นการจัดโอลิมปิกครั้งที่ 2 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ หลังจากเคยจัดครั้งแรกในปี 1908 จะเห็นว่าการจุดไฟสมัยก่อนเรียบง่าย โดยมีตัวแทนนักกีฬาวิ่งขึ้นไปบนแท่นคบเพลิงแล้วก็จุด ง่ายๆ ไม่ต้องลุ้น ข้ามไปอีก 16 ปี ในโอลิมปิก 1964 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ยังคงให้นักกีฬาวิ่งถือคบเพลิงขึ้นไปจุดบนกระถางคบเพลิงเท่านั้น
และเมื่อปี 1988 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้กัน ห่างออกมาอีก 24 ปี ตอนนี้เราเริ่มเห็นสิ่งที่ต่างออกไป เริ่มเห็นว่ามีเครื่องทุ่นแรงให้นักกีฬาที่วิ่งคบเพลิง มีกระเช้าขนาดใหญ่ รับตัวนักกีฬา ก่อนจะลอยตัวสูงขึ้น เมื่อถึงที่กระถางคบเพลิงก็จุดทันที ไม่ต้องวิ่งเองให้เหนื่อย
หลังจากเกาหลีใต้เริ่มมีเครื่องทุ่นแรง อีก 4 ปีต่อมา 1992 ที่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ก็มีการจุดคบเพลิงแนวใหม่ คือตอนแรกนักกีฬาก็วิ่งมาปกติ แต่พอจะจุด ก็ใช้วิธียิงธนูซะเลย เป็นปรากฎการณ์ใหม่ ณ ขณะนั้น และหลายคนบอกว่าประทับใจกับการจุดคบเพลิงของโอลิมปิกครั้งนี้มากที่สุด
ปี 1996 ที่แอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา การจุดคบเพลิงโอลิมปิก ออกแนวซึ้งกินใจ เมื่อมูฮัมหมัด อาลี ยอดนักชกอเมริกันที่แม้จะป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน แต่ให้เกียรติเป็นผู้จุดไฟไปยังสลิงเหล็กที่พุ่งทะยานขึ้นสู่กระถางคบเพลิงอย่างสมบูรณ์แบบ
ปี 2000 ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เป็นการจุดไฟโอลิมปิกอีกหนึ่งครั้ง ที่สร้างความฮือฮา เมื่อมีการจุดไฟกลางน้ำ บนกระถางคบเพลิงแนวโมเดิร์นคล้ายจานบิน ที่ลอยตัวขึ้นสู่แท่นกระถางคบเพลิงด้านบนอย่างยิ่งใหญ่
โอลิมปิก 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ความแปลกอยู่ที่กระถางคบเพลิงที่สร้างเป็นรูปคบเพลิงขนาดยักษ์ แปลกตาจากกีฬาโอลิมปิกครั้งอื่นๆ ที่โน้มตัวลงมาให้นักกีฬาจุดไฟ ก่อนจะหมุนกลับขึ้นไปขณะที่ไฟลุกโชติช่วงอย่างสวยงาม
และโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว พิธีจุดไฟก็ทำได้อย่างตื่นตาตื่นใจ เมื่อหลี่หนิง นักกรีฑาชื่อดังของจีน แสดงการเหาะขึ้นไปบนอากาศ เสมือนกับได้วิ่งอยู่ที่ขอบสนามรังนก โดยฉากหลังก็ฉายภาพจากสื่อผสม ก่อนจะที่จะจุดไฟให้พุ่งวนไปตามขอบจนถึงกึ่งกลางกระถางคบเพลิงอย่างยิ่งใหญ่ ส่วนการจุดคบเพลิงโอลิมปิก 2012 ลอนดอนเกมส์จะออกมาอย่างไรก็ต้องลุ้นกัน