สถานการณ์ในเมืองคิลิสของตุรกี ซึ่งเป็นเมืองชายแดนติดกับประเทศซีเรีย รัฐบาลตุรกีได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน มีการเคลื่อนขบวนรถหุ้มเกราะ, กำลังพล และแนวป้องกันขีปนาวุธไปยังชายแดนแล้ว ก่อนหน้านี้ ตุรกีในฐานะสมาชิกขององค์การนาโต้ ได้เพิ่มกำลังทหารตลอดแนวชายแดนด้านที่ติดกับซีเรีย ระยะทางทั้งสิ้น 911 กิโลเมตร และยังได้ตั้งศูนย์ผู้ลี้ภัยเพื่อรองรับชาวซีเรียประมาณ 44,000 คน ที่หนีภัยการสู้รบ แม้ว่าก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีทายยิป เออร์โดกัน ของตุรกีจะเป็นพันธมิตรกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดของซีเรีย แต่หลังจากที่รัฐบาลซีเรียใช้กำลังปราบปรามประชาชน และฝ่ายต่อต้าน นายเออร์โดกัน กลับเป็นฝ่ายเรียกร้องให้ผู้นำซีเรียลงจากตำแหน่ง
ส่วนจอร์แดนได้เปิดศูนย์ผู้ลี้ภัยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ซึ่งเป็นไปตามคำร้องขอของสำนักข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ในเบื้องต้นทางการจอร์แดนได้จัดเต็นท์ไว้ 2,000 หลัง และจะค่อยๆ ขยายออกไปเพื่อรองรับชาวซีเรียมากกว่า 100,000 คน ก่อนหน้านี้ ในแต่ละวันจะมีชาวซีเรียอพยพหนีภัยการสู้รบเข้ามาจอร์แดน เฉลี่ยวันละ 250 คน แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้อพยพเพิ่มเป็นวันละ 1,000 คน คาดว่าสาเหตุที่รัฐบาลจอร์แดนไม่ยอมเปิดค่ายผู้อพยพอย่างเป็นทางการก่อนหน้านี้ เพราะไม่ต้องการบาดหมางกับรัฐบาลของซีเรีย ภายใต้การนำของนายบาชาร์ อัล อัสซาด แต่จำนวนผู้อพยพที่เพิ่มมากขึ้นทำให้รัฐบาลจอร์แดน จำเป็นต้องเปิดค่ายอย่างเป็นทางการ โดยร้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากนานาชาติในการดูแลผู้อพยพเหล่านี้
ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศสได้ยื่นเรื่องไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ให้จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหาทางปลดล็อคอุปสรรคทางการทูต และหาทางระงับการนองเลือดในซีเรีย โดยฝรั่งเศสระบุว่านายอัสซาดกำลังจะก่อเหตุสังหารหมู่ ซึ่งสหประชาชาติควรจะทำทุกวิถีทางเพื่อยุติวิกฤตในครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังระบุว่ารัฐบาลกาต้าร์ และซาอุดิอาระเบีย ได้สนับสนุนอาวุธให้แก่ฝ่ายต่อต้านในซีเรีย ล่าสุด มีแหล่งข่าวระดับนักการทูตแจ้งว่ามีนายทหารระดับพลจัตวาแปรพักตร์จากรัฐบาลซีเรีย ไปเข้ากับฝ่ายต่อต้าน ส่งผลให้ตอนนี้จำนวนทหารที่แปรพักตร์จากรัฐบาลซีเรียเพิ่มเป็น 28 นาย