เตรียมเข้าตรวจสอบปัญหาฝุ่นถ่านหิน จ.พระนครศรีอยุธยา หลังยึดเยื้อมากว่า 7 ปี
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นถ่านหิน ในพื้นที่ ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รื้อถอนบ้านไปปลูกสร้างในพื้นที่อื่น เนื่องจากไม่สามารถทนกับฝุ่นที่ฟุ้งกระจายมาจากรถบรรทุกถ่านหินและถ่านหินที่ตกบริเวณถนนจนชาวบ้านหลายคนมีอาการเจ็บป่วย รวมทั้งผลกระทบจากเสียงรถบรรทุกทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติติ
ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า จำเป็นต้องรื้อบ้านไปปลูกในที่ซึ่งห่างจากฝุ่นและเสียงรบกวน ที่ผ่านมาได้เคยร้องเรียนไปทางจังหวัดแต่ปัญหากลับเกิดขึ้นมากกว่าเดิมและไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นจากรถบรรทุกถ่านหินที่เข้า-ออก โรงงาน ในพื้นที่ ต.บ่อโพง คลองสะแก และ ต.ปากจั่น วันละหลายร้อยเที่ยว เช่นเดียวกับบรรดาพ่อค้า แม่ค้า บริเวณตลาด 4 แยกบ่อโพง อ.นครหลวง ก็ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองเช่นเดียวกัน
นายประยูร ติ่งทอง อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยอมรับว่า มีชาวบ้านจำนวนมากเข้าร้องเรียนถึงผลกระทบจากฝุ่นถ่านหินจึงเตรียมเข้าตรวจสอบข้อเท็จของโรงงานต่างๆ หากพบการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่ อาจสั่งให้แก้ไขปรับปรุงกระบวนการขนส่ง
ส่วนปัญหาเรือบรรทุกถ่านหินขนาดใหญ่แล่นกีดขวางทางน้ำในแม่น้ำป่าสัก น.ท.รัชตะ ผกาฟุ้ง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ้างว่า เจ้าหน้าที่ขาดแคลนงบประมาณในการออกตรวจ และโทษของเรือที่กระทำผิด มีอัตราค่าปรับประมาณ 2,000 บาท ขณะที่สินค้าในเรือมีมูลค่านับล้านบาท จึงเป็นปัญหาที่ประกอบบางรายยอมกระทำผิดแล่นเรือกีดขวางทางน้ำและยอมจ่ายค่าปรับ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเรียกตัวแทนของโรงงานและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดอีกครั้งเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้พื้นที่ ต.บ่อโพง คลองสะแก และ ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้แม่น้ำป่าสัก และเต็มไปด้วยโรงงานถ่านหินและถ่านหินที่ถูกนำไปกองไว้บริเวณทุ่งนาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งปัญหาเรือบรรทุกถ่านหินขนาดใหญ่หลายลำ ที่เดินเรือกีดขวางทางเรือในแม่น้ำป่าสัก