ศปก.จชต.เตรียมประชุมชี้แจงอำนาจหน้าที่พรุ่งนี้
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศปก.จชต.) เพื่อประสานงานกับกระทรวงต่างๆ และในพื้นที่จะล่าช้า และยังไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้การทำความเข้าใจในโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ ก็ยังไม่ครบถ้วนทั่วถึง จึงเตรียมเชิญทุกหน่วยงานร่วมหารือด้านกฎหมาย โดยเฉพาะอำนาจหน้าที่จะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น รวมถึงการทำความเข้าใจกับสภาปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เตรียมลาออกทั้งคณะเพราะมีความคิดเห็นต่างกันใรเรื่องอำนาจหน้าที่
ภายหลังการประชุม ศปก.จชต. พล.ต.ดิฎฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้(21 ส.ค.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เตรียมประชุมพิจารณาโครงสร้างและขอบข่ายอำนาจหน้าที่ของ ศปก.จชต. โดยประชุม ศปก.จชต. ได้ให้เหตุผลการแสดงท่าทีของสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เกิดจากยังไม่ได้ข้อสรุปในเชิงปฏิบัติ ซึ่งไม่ใช่ความขัดแย้งแต่อย่างใด
พร้อมกันนี้ยังได้ประเมินถึงข้อมูลด้านการข่าว การก่อเหตุหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอนหรือถือศีลอดยังคงมีลักษณะเดิม คือ การวางระเบิดและการซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ จึงกำชับเพิ่มความระมัดระวังแล้ว และกำชับเพิ่มด่านตรวจในพื้นที่ รวมถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองใน จ.สระแก้ว หลังพบชาวมุสลิมกัมพูชา เดินทางเข้าไทยและลงพื้นที่ภาคใต้ แต่ยังไม่พอข้อมูลเชื่อมโยงเหตุความรุนแรงในพื้นที่
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวหลังเป็นประธานงานวันคล้ายวันสถาปนากรมสรรพาวุธทหารบก ว่าขอเรียกร้องทุกฝ่ายยุติการวิพาษ์วิจารณ์หรือสื่อมวลชน กรณีนำเสนอรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุสลายการชุมนุมปี 2553 โดยอ้างอิงข้อมูลคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) และกล่าวอ้างการทำงานของฝ่ายทหารเพียงบางส่วน ผ่านทางเว็บไซต์และสื่อต่างๆ เพราะอาจนำมาซึ่งความขัดแย้ง เนื่องจากเหตุการณ์ในอดีตมีความรุนแรงเกิดขึ้น จึงไม่ต้องการให้เกิดปัญหาซ้ำ
ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวยืนยันว่าทุกคดีในเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2553 จะต้องดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย และหากผลสอบสวนชี้ชัดว่าทหารใช้ความรุนแรงในเหตุการณ์การชุมนุมครั้งนี้น ก็พร้อมจะดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน