พิรุธสร้างสถานีตำรวจ ตอนที่ 6
เอกสารประมาณราคาต้นทุนค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจขนาดใหญ่ที่มีการระบุชื่อของนายตำรวจ 3 นายว่า เป็นคณะกรรมการกำหนดราคากลาง คือ หลักฐานที่ตัวแทนบริษัท พีซีซี ดีเวลลอปเม้นต์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ใช้อ้างต่อผู้รับเหมารายย่อย
ในเอกสารมีการเปรียบเทียบและเสนอราคาก่อสร้างที่ต่ำกว่าราคาจริง เช่น ราคาที่บริษัทได้มาคือ 19,200,000 ล้าน จากการก่อสร้างโรงพักขนาดใหญ่ แต่ราคาที่บริษัทพีซีซีฯ อ้างว่า ผู้รับเหมาช่วงสามารถสร้างได้ในราคา 17,400,000 ล้าน หมายความว่า ถ้าผู้รับเหมารายย่อยรับงานจะได้กำไรโรงพักละเกือบ 2 ล้านบาท โรงพักขนาดกลางและขนาดเล็ก เช่นกัน แต่กำไรจะลดลงตามราคางาน ซึ่งขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 300,000 บาท และราคาที่เสนอทั้งหมดต่ำกว่าราคาจริงที่ประมูลได้หลายล้านบาท ข้อมูลเหล่านี้ คณะกรรมาธิการยุติธรรมและการตำรวจได้รับจากการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเช่นกัน
ผู้รับเหมาช่วงก่อสร้างบางแห่งยังได้เปิดเผยเอกสารที่ทำสัญญา กับ บริษัทพีซีซี ดีเวลลอปเมนต์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด โดยในสัญญามีการ ระบุว่า ห้ามเปิดเผยข้อความต่อบุคคลภายนอก หากฝ่าฝืน ผู้รับจ้างตกลงยินยอมให้ผู้ว่าจ้างเรียกร้องค่าเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งที่ตามสัญญาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุชัดเจนว่า ห้ามให้มีการรับเหมาช่วง ก่อนได้รับอนุญาตจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำให้ผู้รับเหมารายย่อยต่างไม่กล้าที่จะออกมาร้องเรียน
โดยค่าจ้างและค่าก่อสร้างแต่ละแห่งจะแตกต่างกัน ตามแต่บริษัทพีซีซีฯจะตกลงกับผู้รับเหมารายย่อยได้ เช่น 2 บริษัทนี้ทั้งที่สร้างสถานีตำรวจขนาดเล็กเหมือนกัน แต่ได้ราคาที่ต่างกัน และการกดราคาก่อสร้างต่ำกว่าราคาจริงมากทำให้ผู้รับเหมาส่วนใหญ่ที่เข้ามารับงานต้องถอนตัวเพราะแค่ส่งงานไปได้เพียง 2-3 งวดทนขาดทุนไม่ไหว
ผู้รับเหมาเสนอทางออกไว้ว่า หากต้องการให้สถานีตำรวจสร้างเสร็จสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าการก่อสร้างโครงการนี้บริษัทพีซีซีได้ผิดสัญญาโดยการจ้างผู้รับเหมาช่วงทั่วประเทศ และต้องทำสัญญาใหม่กับผู้รับเหมารายย่อยเพื่อให้งานเดินต่อไปได้
ข้อมูลอีกส่วนที่ผู้รับเหมาช่วง เปิดเผยคือ บริษัทรับเหมาช่วงต้องซื้ออุปกรณ์กับบริษัทพีซีซีฯ ซึ่งเป็นบริษัทคู่สัญญาด้วยซึ่งทีมข่าวยังพยายามติดต่อขอข้อมูลและคำชี้แจงจากบริษัทพีซีซีฯ แต่ได้รับบอกว่า ต้องรอการชี้แจงว่าจากนายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล กรรมการบริษัทฯ
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรต่อไปเพราะหากมีการฟ้องร้องการก่อสร้างยังคงต้องชะงัก และ ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าอาจใช้เวลาถึง 5 ปี แต่หากดำเนินการต่อ จัดการอย่างไรกับบริษัทคู่สัญญาที่ผิดสัญญาจนเกิดความเสียหายไปทั่วประเทศ