กรมอุตุฯเฝ้าระวังน้ำท่วมภาคกลางตั้งแต่วันนี้ - 26 ก.ย.
การลดการระบายน้ำจากแม่น้ำยม ลงสู่คลองเมน หรือ แม่น้ำยมสายเก่า ผ่านประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ จากเดิม 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เหลือเพียง 40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง มีฃเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำและริมแม่น้ำ ที่ยังมีน้ำท่วมขัง ส่วนที่ อ.บางระกำ น้ำที่ท่วมยังทรงตัว แต่คาดว่า พื้นที่ ต.คุยม่วง ต.ชุมแสงสงคราม และ ต.ท่านางงาม จะยังมีน้ำท่วมสูงต่อไปอีก 1 เดือน
ส่วนชาวบ้านจระเข้ผอม ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร ต้องนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ไปจอดที่ศาลาเอนกประสงค์ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกมิจฉาชีพฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สิน เนื่องจากแม่น้ำยมล้นตลิ่งท่วมบ้าน ขณะนี้ จ.พิจิตร มีพื้นที่ประสบภัย 7 อำเภอ ผู้ได้รับผลกระทบ 2,800 ครอบครัว พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 4,800 ไร่
ขณะที่ ต.เกรียงไกร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ยังคงถูกน้ำจากแม่น้ำน่านเข้าท่วม ชาวบ้านต้องเปลี่ยนอาชีพจากการทำนาไปหาปลา เป็นรายได้ทดแทน
ส่วนปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 10 ซม.ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริมแม่น้ำ 6 อำเภอ ล่าสุด ทางจังหวัดเตือนผู้อาศัยริมแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสักตอนปลายขนย้ายทรัพย์สิน เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนวันที่ 24 -26 ก.ย.จะมีฝนตกเพิ่มขึ้น
ฝนที่ตกหนักยังทำให้น้ำในแม่น้ำท่าจีนเพิ่มสูงขึ้น จนทะลุแนวกระสอบทราย เข้าท่วมตลาดเก้าห้อง ซึ่งเป็นตลาดร้อยปี คืนที่ผ่านมา (23 ก.ย.) เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบางปลาม้า เร่งสูบน้ำออก และวางแนวกระสอบทราย และติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เพื่อระบายน้ำออก
เช่นเดียวกับพื้นที่ริมคลอง ใน จ.ปทุมธานี ก็เริ่มได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำในพื้นที่ตอนบน ส่งผลให้นาหญ้า ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาว ต.บึงสนั่น อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ถูกน้ำท่วมเสียหาย เพราะปริมาณน้ำในคลอง 13 และคลอง 14 ซึ่งรับน้ำมาจากพื้นที่ตอนบน และปริมาณฝนในพื้นที่ทำให้น้ำล้นตลิ่งอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน