ศาล ปค.มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวผู้ค้าสวนจตุจักรจ่ายค่าเช่าแผงราคาเดิม

ศาลปกครอง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีผู้ค้าสวนจตุจักรยื่นฟ้องการรถไฟแห่งประเทศไทย ขอชำระค่าเช่าแผงราคาเดียวกับที่จ่ายให้ กทม.โดยศาลให้ความคุ้มครอง ให้ผู้ประกอบการจ่ายราคาเดิมไปก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

ศาลปกครอง พิจารณาคดีกรณีที่ผู้ค้า 789 ราย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ระบุว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีประกาศออกมา 5 ฉบับ กำหนดให้ผู้ค้ากึ่งถาวร 27 โครงการ และแผงค้าไก่ชนเดิมในพื้นที่ตลาดนัดสวนจตุจักร รวมทั้งผู้ค้าแผงต้นไม้ แผงค้าสีเขียว และแผงค้าหนังสือ ไปทำสัญญาเช่าและชำระสัญญาเช่า ซึ่งกำหนดไว้ว่าเมื่อพ้นกำหนดแล้ว จะถือว่าผู้ค้าสละสิทธิหรือไม่ประสงค์จะทำสัญญา มีลักษณะบีบบังคับและข่มขู่ เป็นการดำเนินการโดยไม่มีกฎหมายรองรับ อีกทั้งอัตราค่าเช่าสูงเกินสมควร ผู้ค้าทั้ง 789 ราย จึงมีคำร้องขอให้ศาลคำสั่งยกเลิกประกาศของการรถไฟทั้ง 5 ฉบับ และกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา ห้ามมิให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย บอกเลิกการเช่าแผงค้า รบกวนการค้าขายและฟ้องร้องคดีกับผู้ค้าทั้ง 789 ราย จนกว่าศาลจะมีคำสั่ง

ศาลพิจารณาแล้ว พบว่าคำฟ้องของผู้ค้าทั้ง 789 รายมีมูล ทั้งการเรียกเก็บค่าเช่า และการบังคับตามสัญญาเช่าที่ทำขึ้น รวมทั้งยกเลิกสัญญาเช่า หรือตัดสิทธิไม่ให้ผู้ค้าทั้ง 789 ราย ประกอบกิจการในตลาดนัดจตุจักรต่อไป โดยศาล ได้พิจารณาคำให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนของ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ระบุว่า จะดำเนินการยกเลิกสัญญากับผู้ค้าแผงที่ไม่ชำระค่าเช่า และจะคัดเลือกผู้ที่ลงทะเบียนเช่าแผงไว้ให้ได้รับสิทธิทำสัญญา ซึ่งหากการรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการดังกล่าว ทั้งที่มีการฟ้องคดีเพื่อโต้แย้ง และยังไม่เป็นที่แน่นอนว่า การกระทำของการรถไฟแห่งประเทศไทย ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ย่อมจะก่อให้เกิดปัญหาที่ยากแก่การแก้ไขได้ ส่วนที่ตัวแทนของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ถ้อยคำว่า หากมีการคุ้มครองชั่วคราว จะส่งผลให้ผู้ค้ารายอื่นยื่นขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวในทำนองเดียวกันอีก อาจจะก่อให้เกิดปัญหาในการบริหารจัดการ เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงเห็นว่า ปัจจุบันมีผู้ค้าในตลาดนัดสวนจตุจักรประมาณ 8,000 ราย และผู้ค้าส่วนใหญ่ยินยอมชำระค่าเช่าตามที่ การรถไฟแห่งประเทศไทยกำหนด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ค้าส่วนใหญ่สามารถชำระค่าเช่าในอัตราใหม่ได้ และการรถไฟก็ยังมีรายได้เพียงพอต่อการบริหารจัดการตลาดนัดสวนจตุจักร ประกอบกับเมื่อในที่สุดแล้ว หากศาลมีคำพิพากษาว่า การกำหนดค่าเช่าของการรถไฟแห่งประเทศไทยชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิจะเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้ค้าทั้ง 789 ในภายหลังได้

ศาลจึงมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้ผู้ค้าในตลาดนัดสวนจตุจักร ทั้งที่ถูกบอกเลิกสัญญาแล้ว และยังไม่ถูกบอกเลิกสัญญา มีสิทธิประกอบกิจการค้าในตลาดนัดจตุจักรต่อไป โดยชำระค่าเช่าที่ค้างชำระและค่าเช่าตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ในอัตราเดิมที่เคยชำระให้กับทาง กทม.เมื่อเดือน ธันวาคม 2554 จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น