IGU ห่วงก๊าซธรรมชาติในเอเซียขาดแคลน

องค์กรความร่วมมือธุรกิจก๊าซธรรมชาตินานาชาติ เป็นห่วงว่า ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ปริมาณสำรองเริ่มหร่อยหรอลง จะส่งผลทำให้เกิดวิกฤตก๊าซธรรมชาติในภูมิภาคเอเชีย

การประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแสวงหาความร่วมมือในอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ ระดับภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกตะวันตก หรือ กาเส็กส์ 2012 ที่ประเทศอินโดนีเซีย มีการนำปัญหาปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ลดน้อยลง สวนทางกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทำให้หลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย ต้องมีมาตรการรับมือ อาทิ อินโดนีเซีย ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ ระบุว่าได้มีมาตรการชะลอการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงทบทวนสัญญาจัดส่งให้กับบริษัทคู้ค้า เพื่อรับมือการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และสร้างความมั่นคงทางพลังงานภายในประเทศ

ด้านองค์กรความร่วมมือธุรกิจก๊าซธรรมชาตินานาชาติ หรือ ไอจียู ระบุว่าปัญหาดังกล่าว ทำให้หลายประเทศมุ่งแสวงหาแหล่งผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติชนิดเหลว หรือแอลเอ็นจีมากขึ้น เพราะไม่ต้องส่งผ่านท่อก๊าซ ซึ่งมาเลเซีย ลงทุนต่อเรือสำหรับบริหารสถานีเชื้อเพลิงแอลเอ็นจีเป็นรายแรกของโลก กำลังผลิตวันละ 160 ล้านลูกบาศก์ฟุต คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องในปี 2558

ขณะที่ นายชาครีย์ บูรณกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. เปิดเผยว่า จะร่วมมือกับอินโดนีเซีย เพิ่มการนำเข้าและผลิตแอลเอ็นจี สำหรับสถานีแรก ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จาก 10 ล้านตัน เป็น 15 ล้านตัน ภายในปลายปีนี้ และจะเร่งหาพื้นที่น้ำลึก ก่อสร้างสถานีผลิตและสำรองก๊าซแอลเอ็นจีแห่งที่ 2 รองรับการนำเข้าอีกปีละ 10 ล้านตัน รวมทั้งศึกษาความเหมาะสมการใช้เทคโนโลยีเรือสำรองก๊าซแอลเอ็นจีกลางทะเลเช่นเดียวกับมาเลเซีย เพื่อรับมือปัญหาประเทศผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติสำคัญของไทยอย่างพม่า อาจยกเลิกการส่งออก ในอีก 3 ปีข้างหน้า