ปิดประมูล 3 จีเสนอราคา 41,625 ล้านบาทสูงกว่าราคาตั้งต้น1,125 ล้านบาท
แต่ราคาประมูลใบอนุญาต 9 ใบ หรือ 9 สล็อตในราคา 41,625 ล้านบาท สูงกว่าราคาตั้งต้นรวมเพียงแค่กว่า 1,000 ล้าน ก็ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ จากการนำคลื่นความถี่โทรคมนาคมมาประมูลในราคาที่ต่ำ
การประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมระบบ 3 จี เสร็จสิ้นลงในเวลาประมาณ 16.00 น. จากการประมูล รอบที่ 7 โดยในรอบนี้ไม่มีผู้เสนอราคาเพิ่มเติมจากรอบที่ 6 ทำให้การประมูลสิ้นสุดลง ซึ่งราคาประมูลสูงสุดอยู่ในช่วงคลื่นความถี่ สล็อตEและH ที่ 4,950 ล้านบาท รวมราคาประมูลทั้งหมด 41,625 ล้านบาท
กสทช.แถลงภายหลังการประมูลเสร็จสิ้นลง ระบุว่าสามารถจัดการประมูลลุล่วงไปด้วยดี และดำเนินทุกขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย แม้ราคาใบอนุญาตจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็เหมาะสมกับสภาพการแข่งขันแล้ว โดยสามารถจัดสรรคลื่นความถี่ รองรับการเปลี่ยนจากระบบสัมปทาน มาเป็นใบอนุญาต ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญสู่เทคโนโลยีใหม่ ๆ
ขณะนักวิชาการบางรายเห็นตรงว่า การปิดประมูล 3 จี ที่ราคา 41,625 ล้านบาท สูงกว่าราคาตั้งต้นของ 9 ใบอนุญาต เพียง 1,125 ล้านบาทถือว่าล้มเหลว
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา หรือทีดีอาร์ไอ ระบุว่า ราคาประมูลต่ำกว่าราคาเหมาะสมที่มีการศึกษาไว้ ที่ 6,440 ล้าน ทำให้รัฐต้องเสียผลประโยชน์กว่า 16,000 ล้านบาท
ขณะที่นายพิพัฒน์ พรหมมี อาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้เข้าร่วมประมูลทั้ง 3 ราย ไม่ได้แข่งขันราคากัน เพื่อให้ได้ช่วงคลื่นที่ดีที่สุด ตามที่ กสทช. อ้าง แต่พร้อมใจกันเสนอราคาเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ทำให้ใบอนุญาตมีต้นทุนต่ำ
จากนี้นายพิพัฒน์ มองว่าทั้ง 3 บริษัท จะเร่งเตรียมความพร้อมลงทุนด้านโครงข่าย และการตลาด ให้สอดคล้องกับสัดส่วนการตลาดในปัจจุบัน โดยศูนย์วิจัยกสิกรประเมินว่าในช่วง 3 ปีนี้ ผู้ได้รับใบอนุญาตจะใช้เงินลงทุนวางโครงข่ายกว่า 12,000 ล้านบาท