ผ่านไป 1 เดือนคดีทายาท
เหตุการณ์ทายาทเครื่องดื่มกระทิงแดงขับรถเฟอร์รารี่ชนตำรวจนครบาลทองหล่อเสียชีวิตที่เคยได้รับความสนใจจากประชาชนเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา วันนี้ ( 19 ต.ค.) พนักงานสอบสวนนครบาลทองหล่อเรียกตัวนายวรวุฒิ อยู่วิทยา มารับทราบข้อกล่าวหาเมาแล้วขับเพิ่มเติมจาก 2 ข้อหาหลักเป็นครั้งที่ 2 แต่นายวรวุฒิไม่เดินทางมาตามนัด ขณะที่การตรวจสารกลุ่มยาเสพติด และยานอนหลับในผลเลือดยังคงต้องรอผลการยืนยันจากแพทย์ที่ชัดเจนว่า สารที่พบเป็นประเภทมีผลออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หรือ เป็นสารเสพติดต้องห้ามหรือไม่
4 ชั่วโมงที่พนักงานสอบสวนต้องรอการเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเมาแล้วขับของนายวรวุฒิ อยู่วิทยา ที่ขับรถเฟอรารี่ชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ทองหล่อเสียชีวิต เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา และท้ายที่สุดนายวรวุฒิไม่เดินทางมาตามนัด
เป็นครั้งที่ 2 ที่พนักงานสอบสวนติดต่อนายวรวุฒิเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมซึ่งเป็นเพียงการติดต่อทางวาจาไม่ใช่ออกหมายเรียก แต่หลังจากนี้ตำรวจบอกว่าจะหารือผู้บังคับบัญชาเพื่อส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาออกหมายเรียก หรือ หมายจับ ซึ่งในกรณีของนายวรวุฒิ ที่เป็นบุคคลมีชื่อเสียงศาลอาจมีคำสั่งให้ออกหมายจับโดยไม่ต้องออกหมายเรียกก่อน
พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว ระบุว่า แม้ตำรวจยังไม่ออกหมายเรียกแต่เมื่อไม่มาตามนัด พนักงานสอบสวนอาจพิจารณาบังคับตามสัญญาประกัน เช่น การยึดหลักทรัพย์ประกันตัว และออกหมายจับเพราะก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้ยื่นเรื่องประกันตัวในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตและหลบหนี
คดีนี้ถือเป็นคดีที่ได้รับความสนใจช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพราะ เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและพฤติการณ์ผู้ต้องหามีลักษณะหลบหนี นอกจากนี้ยังมีนายตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องลักษณะช่วยเหลือคดีจนทำให้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และอยู่ระหว่างการสอบวินัยร้ายแรงจนทำให้สังคมจับตา
ผ่านไปกว่า1 เดือน นายวรวุฒิถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 2 คดี คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ขับรถชนแล้วหลบหนี ส่วนข้อหาเมาแล้วขับ และ ขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด ยังรอนายวรวุฒิมาพบตำรวจ
ส่วนผลการตรวจสารที่พบในผลเลือด มีรายงานว่า พบสารส่วนประกอบในยาเสพติด และ ยานอนหลับ อย่างน้อย 3 ชนิด คือ โคเคน คาเฟอีน และ อัลปราโซแลม แต่ยังระหว่างรอให้แพทย์มีความเห็นว่า สารที่พบเป็นประเภทมีผลออกฤทธิ์ต่อจิต และ ประสาท หรือ เป็นสารเสพติดต้องห้ามหรือไม่