ประธานทีดีอาร์ไอ วิเคราะห์ประมูล 3 จีแข่งขันปลอม
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เผยแพร่รายงานวิเคราะห์ การประมูล 3จี ของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. โดยระบุว่า มีความผิดปกติในการเคาะราคาประมูล ซึ่งในการประมูลครั้งนี้ รัฐได้รายได้รวมทั้งสิ้นเพียง 41,625 ล้านบาท หรือสูงกว่าราคาตั้งต้นเพียงร้อยละ 2.8 ทำให้มูลค่าการประมูล 3จี ในประเทศไทยต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในโลก พร้อมระบุ การประมูลล้มเหลวเพราะ กสทช. ออกแบบให้การประมูลแทบไม่เหลือการแข่งขันเลย จึงทำให้ผู้เข้าประมูลทุกรายมั่นใจได้ว่า จะได้คลื่น 3จี ไปตามที่ต้องการ โดยไม่ต้องแข่งขันกันเสนอราคามาก การกระทำของผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย โดยเฉพาะ เอไอเอส ที่เสนอราคาประมูลสูงกว่าผู้ประมูลอีก 2 ราย ชนิดเกินความจำเป็น เป็นเรื่องที่แปลก เพราะอาจเกิดขึ้นจากความพยายาม "จัดฉาก" ของบางฝ่าย เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่า การประมูลมีการแข่งขัน ทั้งที่ในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นน่าจะเป็น "การแข่งขันเทียม" เพื่อสร้างภาพเท่านั้น
ด้านศาสตราจารย์ถวิล พึ่งมา อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่าการออกมาโจมตีการประมูล 3 จี ว่าไม่โปร่งใส มีการฮั้วประมูลนั้น ทุกฝ่ายกำลังหลงทาง เพราะมุ่งแต่จะตั้งราคาประมูลค่าคลื่นสูง ไม่ดูผลกระทบที่จะตามมา ทั้งที่ควรพิจารณาเร่งรัดให้ผู้ประกอบการลงทุนสร้าง และขยายเครือข่าย 3 จีให้ครอบคลุมทั้งประเทศซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า พร้อมระบุ ในต่างประเทศ การจัดสรรคลื่น 3 จีส่วนใหญ่ ไม่ได้ใช้วิธีประมูล แต่จัดสรรตรงไปยังผู้ประกอบการรายเดิมเพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเร่งพัฒนาและขยายเครือข่ายให้มากที่สุด ไม่ว่าจะจีน ญี่ปุ่น หรือเวียดนามที่ต่างจัดสรรคลื่นโดยไม่ประมูลทั้งสิ้น เพราะรัฐบาลต้องการให้เอกชนแข่งขันพัฒนาคุณภาพและเครือข่าย ผู้ประกอบการขยายเครือข่ายได้กว้างและครอบคลุมประชาชนยิ่งได้ประโยชน์
ส่วนกรณีที่สหพันธ์องค์กรผู้บริโภคเข้ายื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการการศึกษา การตรวจสอบทุจริต และธรรมาภิบาล วุฒิสภา เพื่อขอให้พิจารณาถอดถอน กสทช. ออกจากตำแหน่ง จากการจัดประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 3 จี ไม่โปร่งใสนั้น วันนี้(22 ต.ค.) คณะกรรมาธิการฯ จะเชิญรองปลัดกระทรวงการคลัง มาสอบถามในประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการทำหนังสือท้วงติง กสทช.ว่า การจัดประมูลนั้น ขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และเข้าข่ายทำผิดกฏหมายป้องกันการฮั้วประมูล และวันนี้ ยังมีการประชุม ของคณะกรรมการ กสทช.ฝั่งกิจการกระจายเสียงฯ อีก 5 คน ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้มีอำนาจโดยตรงต่อการจัดประมูล 3 จี จะประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาว่า จำเป็นต้องกำหนดท่าที หรือ ร่วมรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างไร เนื่องจากตามปกติ การทำงานระหว่างคณะกรรมการโทรคมนาคม และกระจายเสียง จะแยกกันชัดเจน แต่หากเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะต้องดูว่า กรรมการกสทช.ทั้ง 11 คน ต้องร่วมรับผิดชอบหรือไม่
ส่วนกรณีที่นายสุริยะใส กตะศิลา พร้อมทนายความ จะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ตรวจสอบ การปฏิบัติหน้าที่ของ กรรมการ กสทช. เพราะกังขาในความโปร่งใส ต่อการทำหลักเกณฑ์การจัดประมูล มีความเห็นจาก นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. ที่ระบุว่า อำนาจของป.ป.ช.สามารถทำได้เพียงวินิจฉัยว่า กสทช.ได้กระทำความผิดทางอาญา ฐานทุจริตต่อหน้าที่จริงหรือไม่เท่านั้น ไม่มีอำนาจวินิจฉัยเพื่อยับยั้งหรือชะลอการประมูล ส่วนการดำเนินการเพื่อให้ล้มเลิกการประมูลที่เกิดขึ้นไป เป็นอำนาจของศาลปกครอง