“การจะอยู่หรือตาย เป็นประสงค์ของพระเจ้า” คือสิ่งที่ทำให้อุสตาสยะยา กะลุมอ อดีตแนวร่วมระดับแกนนำด้านจิตวิญญาณ และ อดีตอาจาร์ยฝ่ายปกครองโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จังหวัดยะลา ตัดสินใจเดินออกจากขบวนบีอาร์เอ็นคอร์ออดิเน็ต แม้จะถูกเพื่อนร่วมขบวนการข่มขู่หลายครั้งเพราะ 8 ปีที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตั้งข้อหาอังยี ซ่องโจร และ ร่วมก่อความไม่สงบ
อุสตาสยะยา ต้องใช้ชีวิตแบบหลบซ่อน ๆ โดยแฝงตัวเป็นผู้แสวงบุญไปตามที่ต่าง ๆ หรือ หลบซ่อนแต่ภายในบ้าน รวมถึงการสูญเสียโอกาสในการเรียนของลูก 3 คน เพราะพ่อตกเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีไม่นับรวมถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นแบบไม่เลือกเป้าหมาย แม้จะเป็นคนมุสลิมด้วยกันเองจากฝีมือของแนวร่วมในปัจจุบัน ซึ่งต่างจากอุดมการณ์ของเขาในอดีต จึงยอมเข้าแสดงตน
อุสตาสยะยา เป็นหนึ่งในผู้บริหารของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิที่ถูกออกหมายจับในคดีความมั่นคง พร้อมแกนนำคนสำคัญ อย่างนายสะแปอิง บาซอ ผู้อำนวยการโรงเรียนที่เคยถูกตั้งรางวัลนำจับถึง 10 ล้านบาท นายกะรียา กะแลแป นายอดุลย์ มุณี นายอัสหมัด ตือง๊ะ นายอิสมาแอล เต็งมะลาดี และ นายมามุ บอรอดายา ซึ่งอุสตายยะยา เชื่อว่า หลังจากนี้เพื่อนร่วมขบวนการ โดยเฉพาะแนวร่วมระดับสั่งการอีกหลายคนที่ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกันซึ่งยังคงหลบหนีในประเทศเพื่อนบ้านจะเข้ามาแสดงตัวมากขึ้น
โดยการแสดงตัวของอุสตาสยะยา ถือว่า เป็นก้าวสำคัญในการใช้แนวทางพูดคุยสันติภาพของคณะกรรมการประสาน และรณรงค์เพื่อยุติการต่อสู้ด้วยวิธีการรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกองทัพภาคที่ 4 เพราะ อุสตาสยะยา ถือเป็นแนวร่วมระดับแกนนำคนสำคัญทางความคิดที่ปลูกฝังความคิดของแนวร่วมระดับปฎิบัติการ หรือ อาร์เคเค ซึ่งอดีตแนวร่วมคนนี้ บอกว่า หากรัฐจริงจังจริงใจและมีความเป็นเอกภาพทางความคิดที่จะดำเนินนโยบายนี้อย่างต่อเนื่องการดับไฟแห่งความรุนแรงอาจไม่ยากอย่างที่คิด