สำนักข่าวรอยเตอร์ส ลงบทความใช้ชื่อว่า "ประเทศไทยเป็นมิตรลดลง แต่อาชญากรรมจากปืนเพิ่มขึ้น" โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์นักศึกษาอาชีวะยิงคู่อริบนรถโดยสารประจำทางจนทำให้มีผูเสียชีวิต รวมถึงเหตุที่สมาชิกวุฒิสภาไทยทำปืนลั่นใส่อดีตภรรยาตัวเอง และคดีอาชญากรรมอีกหลายคดีจนนำไปสู่การสรุปของบทความว่าอาวุธปืนในเมืองไทยสามารถครอบครองกันอย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ยังอ้างอิงข้อมูลจากองค์การระหว่างประเทศด้านการวางแผนและนโยบายป้องกันการบาดเจ็บจากการวางแผนและนโยบายจากการใช้อาวุธปืน "กันโพลิซี" เมื่อเดือนกรกฏาคม 2554 ระบุว่า "ประเทศไทย เป็นชาติที่มีผู้ถือครองปืนมากที่สุดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"โดยประเทศไทยมีพลเมืองครอบครองปืนมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มากกว่าฟิลิปปินส์ 4 เท่าในปี 2554 ไทยมีอัตราการก่ออาชญากรรมจากปืนสูงที่สุดในเอเชีย ทุก 100,000 คน จะถูกฆ่าด้วยอาวุธปืน 5.3 คน เปรียบเทียบกับฟิลิปปินส์ที่มีเพียง 0.2 คน
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหหาดไทย ปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับบทความ แค่ได้ยืนยันถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เคยมอบนโยบายไว้ว่าไม่ให้มีการเพิ่มใบอนุญาตให้มีการซื้ออาวุธปืนอีก ทั้งในส่วนของร้านขายอาวุธปืน และ จำนวนปืน ซึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ลงนามอนุญาติในเรื่องนี้
ยกเว้นในส่วนของตำรวจ ผู้พิพากษา ที่ไม่ได้นำอาวุธปืนไปเพื่อประโยชน์ทางการค้าแต่สำหรับประชาชนทั่วไป รวมทั้ง อาสาสมัคร จะไม่มีการอนุญาตให้เพิ่มโควต้าการซื้ออีก ส่วนปัญหาที่มีการนำปืนไปประกอบคดีอาชญากรรมนั้น จะเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมายใครทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ