“แบล็ตเตอร์” มั่นใจเสียงสนับสนุนเป็นประธานฟีฟ่าเกินครึ่ง
โมฮัมหมัด บินฮัมมัม ประธานเอเอฟซี ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานฟีฟ่าแข่งกับ เซ็ป แบล็ตเตอร์ถูกอดีตคีย์แมนแห่งวงการฟุตบอลอย่างปีเตอร์ เวลัปปัน อดีตเลขาธิการทั่วไปของเอเอฟซีชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ ออกมาโจมตีว่าไม่เหมาะสมที่จะลงสนามเลือกตั้งเป็นประธานฟีฟ่า เพราะว่าบินฮัมมัม มีแนวคิดการบริหารแบบเผด็จการ เวลัปปันถึงกับฟันธงว่าหากบินฮัมมัมได้เป็นประธานฟีฟ่าจะเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเวลัปปัน และ บินฮัมมัม ถือเป็นคู่ปรับกันอยู่แล้วในวงการฟุตบอลเอเชีย
ด้านเซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ ถูกโจมตีโดยตรงจาก บินฮัมมัม ที่ย้ำเสมอว่าในองค์กรฟีฟ่ามีการทุจริต และถึงเวลาต้องถ่ายเลือดใหม่ทั้งระบบ โดยการเดินทางหาเสียงของแบลตเตอร์ ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าจะได้ครองตำแหน่งเป็นสมัยที่ 4 เนื่องจากในปัจจุบันแบล็ตเตอร์ ได้เสียงสนับสนุนเพิ่มมาอีก 53 เสียง จากทวีปแอฟริกา เป็นทวีปที่ 4 ต่อจากยุโรปที่ได้ไปแล้ว 53 เสียง 10 เสียงจากอเมริกาใต้ และ 11 เสียงจากโอเชียเนีย รวมแล้วแบลตเตอร์มีเสียงในมือถึง 127 เสียง จากคะแนนทั้งหมด 208 เสียง ซึ่งถือว่าเกินครึ่งไปแล้ว
แม้ว่าการหยั่งเสียงล่าสุดบินฮัมมัมจะเป็นรอง แต่สำนักข่าวรอยเตอร์วิเคราะห์ว่าเขายังไม่หมดหวัง โดยหยิบยกสถาณการณ์การเลือกตั้งในปี 1998 มาเป็นตัวอย่าง ซึ่งครั้งนั้นแบล็ตเตอร์ ลงสมัครแข่งกับ เลนนาร์ท โยฮันสัน ประธานยูฟ่า โดยโยฮันสัน มั่นใจว่าจะคว้าตำแหน่งประธานฟีฟ่าหลังจากสมาพันธุ์ฟุตบอลแอฟริการับปากจะเทคะแนนให้ แต่สุดท้ายสมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกากลับเทคะแนนให้ แบล็ตเตอร์ เนื่องจากประเทศสมาชิกในแอฟริกาสามารถลงคะแนนได้อย่างอิสระโดยไม่ขึ้นกับสมาพันธ์
ทั้งนี้ นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งประธานฟีฟ่าครั้งแรกในปี 1904 ยังไม่เคยมีตัวแทนจากเอเชียได้ดำรงตำแหน่งประธานฟีฟ่า ประธานฟีฟ่าตกอยู่ในมือของชาวยุโรปทุกำสมัย ยกเว้นโจฮัว ฮาวาลานซ์ ชาวบราซิลเลี่ยนที่ได้รับตำแหน่งตั้งแต่ปี 1974 - 1998 ก่อนที่แบล็ตเตอร์จะเข้ามารับตำแหน่งต่อมา