กกต.ยืนยันวางตัวเป็นกลางในการหาเสียง

การเมือง
25 พ.ค. 54
02:43
15
Logo Thai PBS
กกต.ยืนยันวางตัวเป็นกลางในการหาเสียง

กกต.กทม.สรุปยอดรวมผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตวันแรก 171 คน จาก 13 พรรคการเมือง โดยยังไม่มีข้อร้องเรียนในการรับสมัครหรือการหาเสียง ขณะที่ กกต.กลาง ยืนยันว่า จะวางตัวเป็นกลาง ใช้มาตรฐานเดียวกันในการตรวจสอบข้อร้องเรียนต่างๆ

          นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้สถานการณ์การแข่งขันทางการเมืองในสนามเลือกตั้งยังคงเป็นไปอย่างราบรื่นและเรียบร้อย ยังไม่พบเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จะมีก็แต่เพียงเรื่องการทำลายป้ายหาเสียงของพรรคการเมือง
 
          ส่วนการรักษาความปลอดภัยของผู้สมัคร กกต.ได้หารือร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะดูแลเรื่องนี้อย่างรัดกุม ส่วนกรณีข้อร้องเรียนต่างๆ ของพรรคการเมือง จะดำเนินการตรวจสอบอย่างเป็นกลาง ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
 
          ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (26 พ.ค.) จะเดินทางไปที่กองบังคับการกองปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เนื่องจากปล่อยให้มีการจัดรายการคลายปม ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่สั่งห้ามไม่ให้ใช้ทรัพยากรของรัฐในการมีส่วนได้ส่วนเสียในการเลือกตั้ง เนื่องจากเนื้อหาของรายการได้ใส่ร้ายป้ายสีพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ จะยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่กล่าวหาว่าผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ก่อการร้าย
 
          ขณะที่นายอภิสิทธิ์เปลี่ยนชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี จากที่เคยใช้ทหารจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ทหารหน่วยบัญชาอากาศโยธิน สารวัตรทหารบก เปลี่ยนไปใช้ตำรวจหน่วยคอมมานโด จากกองบังคับการกองปราบปราม และตำรวจสันติบาลแทน พร้อมทั้งปรับลดจำนวนขบวนรถของนายกรัฐมนตรีให้เหลือเพียง 5 คัน ซึ่งรวมไปถึงทีมรักษาความปลอดภัยบ้านพักด้วย มีรายงานว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้เกิดขึ้นจากระเบียบของ กกต.ที่กำหนดว่า ในช่วงหาเสียงและนอกเวลาราชการ ไม่ควรใช้ทีมรักษาความปลอดภัยที่ทำหน้าที่เดียวกับทีมอารักขานายกรัฐมนตรี
 
          ส่วนกระแสข่าวเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินออกจากระบบธนาคารพาณิชย์ 10,000 ล้านบาท เพื่อกักตุนไว้ใช้ในการหาเสียงของพรรคการเมือง นายประสาร ไตรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้แจงว่า ไม่เคยมีรายงานในเรื่องดังกล่าว และยังไม่มีสัญญาณที่ผิดปกติในการเบิกถอนเงิน
 
          สำหรับมาตรการดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ขอความร่วมมือไปยังธนาคารและสถาบันการเงินทุกแห่งแล้วว่า หากพบมีธุรกรรมการเงินของผู้สมัครมีความผิดปกติ ให้รายงานโดยตรงไปยัง กกต.ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง