นายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐ เดินทางลงพื้นที่หาเสียงที่เมืองฮิลลาร์ด รัฐโอไฮโอ้ ซึ่งเป็นหนึ่งในแคมเปญหาเสียง 3 จุดใน 1 วันที่รัฐแห่งนี้ เพื่อหาเสียงจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐโอไฮโอ้ เทคะแนนให้เขามากที่สุด เพื่อชัยชนะในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ขอโอกาสผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในการสานต่องานที่เขาได้ริเริ่มไว้ พร้อมชี้ให้เห็นว่าในช่วงปี 2551 ที่เขาชนะการเลือกตั้ง สหรัฐฯ ก่อสงครามใน 2 ประเทศ และยังเผชิญกับวิกฤตเศรษกิฐที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น
การเดินทางหาเสียงครั้งนี้ของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นในช่วงที่กระทรวงแรงงาน มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในเดือนตุลาคม ซึ่งมีงานเพิ่มขึ้น 171,000 อัตรา มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าตัวเลขเฉลี่ยคนว่างง่านจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.8 ในเดือนกันยายน เป็นร้อยละ 7.9 ก็ตาม ซึ่งเป็นข่าวที่ส่งผลดีต่อประธานาธิบดีสหรัฐ แต่เนื่องจากอัตราเฉลี่ยว่างงานที่ขยับขึ้นเล็กน้อย ก็เป็นประเด็นที่ทำให้เขาถูกโจมตี
เช่นเดียวกับนายมิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งจากพรรครีพับลิกัน ที่เดินทางมายังเมืองเวสต์ เชสเตอร์ รัฐโอไฮโอ้ เพื่อขอคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่รัฐนี้ โดยกล่าวว่าถ้าเขาได้รับเลือกตั้ง เขาจะทำงานร่วมกับพรรคเดโมแครต ในแบบที่นายโอบาม่าไม่สามารถร่วมงานกับพรรครีพับลิกันได้
รัฐโอไฮโอ้เป็นรัฐสวิง สเตท หรือรัฐที่ยังไม่แน่ชัดว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ที่ถือได้ว่าสำคัญที่สุดรัฐหนึ่ง เพราะนอกจากจะมีคะแนนอิเลคโทรัลถึง 18 คะแนนแล้ว ยังเป็นรัฐที่มีประชากรผสมผสานทั้งฐานเสียงของเดโมแครต และรีพับลิกัน ซึ่งนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันคนใด ที่แพ้ในโอไฮโอ้ แล้วจะชนะการเลือกตั้ง
ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของสถานีซีเอ็นเอ็น และของสถานี NBCร่วมกับWall Street JOurnal พบว่าประธานาธิบดีโอบาม่ามีคะแนนนำที่รัฐโอไฮโอ้เล็กน้อย ส่วนคะแนนนิยมระดับประเทศ โพลหลายสำนักชี้ว่าทั้งคู่มีคะแนนนิยมเสมอกัน
//////