เปรียบเทียบนโยบายสำคัญ
นอกเหนือจากนโยบายทางด้านการเมืองแล้ว นโยบายซึ่งถือว่าค่อนข้างสำคัญอย่างยิ่งไม่แพ้กันก็คือ นโยบายด้านเศรษฐกิจที่ทั้ง นายบารัค โอบามา และ นายมิตต์ รอมนีย์ ได้เสนอต่อสังคมเพื่อใช้ในการตัดสินใจเลือกผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ หลังจากที่ผลสำรวจของโพลหลายสำนักชี้ว่า คะแนนนิยมของบุคคลทั้ง 2 ต่างมีความใกล้เคียงกันอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบนโยบายสำคัญของ 2 คู่ชิงประธานาธิบดี สามารถเปรียบเทียบได้ดังนี้
นโยบายด้านเศรษฐกิจของนายโอบามาจากพรรคเดโมแครต ประกาศนโยบายงดเว้นการเก็บภาษี ครัวเรือนชาวอเมริกันที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 250,000 ดอลลาร์ ขึ้นไปซึ่งใช้มาตั้งแต่สมัยนายจอร์จดับเบิ้ลยู บุช เป็นประธานาธิบดี ขณะที่พรรครีพับลีกันจะยังคงนโยบายดังกล่าวให้เป็นนโยบายถาวร รวมถึงนายรอมนีย์ที่นโยบายอนุรักษ์นิยมและประกาศตอบโต้การค้ากับจีนทุกรูปแบบขณะที่นายโอบามา ชูมาตรการผ่อนปรน พร้อมสร้างประโยชน์ทางการค้า
ด้านนโยบายสาธารณสุข นายโอบามามีนโยบายดูแลสุขภาพชาวอเมริกันครอบคลุมกว่านโยบายของนายรอมนีย์ รวมไปถึงนโยบายด้านสังคมที่นายโอบามา ค่อนข้างเสรีและสนับสนุนสิทธิการแต่งงานของกลุ่มคนรักร่วมเพศ ขณะที่นายรอมนีย์ต่อต้านนโยบายดังกล่าว และที่ค่อนข้างเป็นที่จับตาของสังคมอย่างนโยบายการทำแท้งนั้นนายโอบามาสนับ สนุนนโยบายดังกล่าว ขณะที่นายรอมนีย์ต่อต้านนโยบายการทำแท้ง
ส่วนนโยบายที่แตกต่างระหว่าง 2 พรรคนี้ คือ นายรอมนีย์ต้องการเพิ่มงบประมาณด้านการทหารส่วนโอบามาต้องการตัดงบค่าใช้จ่าย โดยในช่วงก่อนหน้านี้รัฐบาลโอบามาได้ตัดงบประมาณด้านการทหารไปแล้วครั้งหนึ่ง ทว่านายรอมนีย์กลับต้องการเพิ่มบทบาทของสหรัฐฯในการ จัดการกับปัญหาการเมืองโลกด้วยตนเอง โดยไม่ผ่านการจัดการขององค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศเช่นในกรณีปรากฎการณ์ อาหรับสปริง รวมไปถึงกรณีความขัดแย้งกับจีนส่วนโอบามาต้องการยึดหลักความร่วมมือระหว่างนานาชาติ และใช้กลไกขององค์กรต่างประเทศที่มีอยู่ในการจัดการกับปัญหา
ขณะที่ผลสำรวจหลายสำนักต่างชี้ว่า คะแนนนิยมของนายโอบามา และนายรอมนีย์ ยังคงมีความสูสีอย่างสูง และเมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มต้นขึ้นแล้วที่รัฐนิวแฮมเชียร์ ซึ่งเป็นนพื้นที่แรกเมื่อคืนนี้ ( 6 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ผู้สมัครทั้ง 2 คน ต่างเดินหน้าหาเสียงในสวิงสเตท เพื่อเรียกคะแนนให้ได้มากที่สุดในช่วงโค้งสุดท้าย แต่ยังคงต้องจับตาดูต่อไปว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะเลือกใครเป็นผู้นำซึ่งจะได้รู้ผลกันในไม่ช้า...