เหตุระเบิดเกิดขึ้นบนรถโดยสารในเมืองใกล้กับกรุงเทล อาวีฟ เมื่อช่วงเที่ยงวันตามเวลาท้องถิ่นของอิสราเอล โดยจุดที่เกิดเหตุ อยู่ใกล้ๆกับกองบัญชาการกองทัพอิสราเอล แรงระเบิดทำให้กระจกหน้าต่างทั้งด้านข้างและด้านหลังของตัวรถ แตกกระจายและมีรายงานผู้บาดเจ็บ 10 คน 3 คนอาการสาหัส
ตำรวจอิสราเอลระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการก่อการร้ายและกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีผู้นำระเบิดมาวางทิ้งไว้บนรถ หรือเป็นการก่อเหตุของมือระเบิดฆ่าตัวตาย ขณะที่มีรายงานว่ากลุ่มฮามาสออกมาแสดงความชื่นชมผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้
เหตุระเบิดเกิดขึ้นในช่วงที่ทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ ต่างโจมตีโต้ตอบกันต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 โดยมีรายงานว่าปาเลสไตน์ยิงจรวดเข้ามาตกใส่บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ภาคใต้อิสราเอลตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (21พ.ย.) ทำให้บ้านเสียหาย แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ ซึ่งทางการอิสราเอลประเมินว่า การเพิ่มพื้นที่โจมตีของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ทำให้ประชาชนที่อยู่ในรัศมีทำลายล้างของจรวด เพิ่มจาก 1,000,000 คนเป็น 3,500,000 คน กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า นับตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นมา กลุ่มติดอาวุธยิงจรวดเข้ามาในอิสราเอล และตกลงในดินแดนอิสราเอล 17 ลูก ขณะที่ระบบป้องกันไอรอนโดม สกัดไว้ได้ 12 ลูก
ขณะที่สภาพความเสียหายของเมืองในเขตฉนวนกาซ่า หลังจากเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) อิสราเอลโจมตีทางอากาศอย่างน้อย 30 จุด ทั้งอาคารสำนักงานของทางการ รวมทั้งสำนักงานของสื่อมวลชนที่เชื่อมโยงกับกลุ่มฮามาส ในอาคารศูนย์สื่อมวลชนเขตฉนวนกาซ่า ซึ่งอยู่เหนือสำนักงานของสำนักข่าวเอเอฟพี ของฝรั่งเศสเพียง 2 ชั้น ความรุนแรงส่งผลให้ไฟดับทั่วเมืองเป็นเวลานาน
รวมทั้งมีการระเบิดอุโมงค์ขนส่งสิ่งของบริเวณเมืองราฟาห์ พรมแดนเขตปาเลสไตน์ติดกับอียิปต์ ล่าสุดมีรายงานว่า อิสราเอลเริ่มโจมตีทางอากาศปาเลสไตน์ระลอกใหม่ หลังเกิดระเบิดบนรถโดยสาร การโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้ว 139 คน และชาวอิสราเอลเสียชีวิต 5 คน
ความสูญเสียที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทำให้หลายฝ่ายเร่งเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาและให้ได้ข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งวันนี้ (21 พ.ย.)นางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เดินทางสู่เมืองรามัลเลาะห์ ในเขตเวสต์ แบงค์ และหารือกับนายมาห์มูด อะบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ โดยมีผู้ประท้วงเดินประท้วงอยู่ด้านนอก เพื่อแสดงวามไม่พอใจที่สหรัฐมีท่าทีหนุนอิสราเอลโจมตีปาเลสไตน์โดยอ้างการป้องกันตัว ก่อนที่จะเดินทางมุ่งหน้าต่อไปยังประเทศอียิปต์ เพื่อหารือกับผู้นำอียิปต์ ที่พยายามเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยระหว่าง 2 ฝ่าย ให้ได้ข้อตกลงหยุดยิง ท่ามกลางความหวังที่ค่อนข้างจะเลือนรางลง
เช่นเดียวกับนายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ที่เดินทางสู่เขตเวสต์ แบงค์ และพูดคุยกับนายซาลาม ฟาอัดนายกรัฐมนตรีปาเลสไตน์ เพื่อเร่งกระบวนการหยุดยิง