ลำดับเหตุการณ์ชุมนุมของ 
เวลา 09.01 น.พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) บวงสรวงที่ลานพระบรมรูปทรงม้าที่ด้านหน้าเวทีของ อพส. พร้อมกับผู้ชุมนุมที่ทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุม
เวลา 09.10 น.ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจควบคุมการชุมนุม โดยยึดมาตรการปิดการจราจรและปิดทางเข้าพื้นที่ความมั่นคง แต่ผู้ชุมนุมพยายามรื้อแท่งปูนและลวดหนาม รวมถึงพยายามปีนฝ่าแนวกั้น และแกนนำ อพส.นำรถบรรทุกขับฝ่าแนวกั้นของตำรวจ
เวลา 09.32 น.ตำรวจตัดสินใจประกาศแจ้งเตือนและจากนั้นได้ขว้างแก๊สน้ำตาขึ้นไปบนรถแกนนำของ อพส.รวมถึงขว้างในมวลชนที่เข้าร่วมการชุมนุม ส่งผลในผู้ชุมนุมวิ่งหนีแก๊สน้ำตากันอย่างชุลมุน
เวลา 09.44 น.บรรยากาศปะทะต่อเนื่องและตึงเครียดตั้งแต่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ถึงบวิเวณแยกมิสกวัน หลังตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและได้ย้ำให้ผู้ชุมนุมเข้าร่วมการชุมนุมโดยการเดินเท้าได้เพียงบริเวณวัดเบญจมบพิตร และ แยก พล.1 แต่เส้นทางอื่นจะไม่อนุญาตอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกันระหว่างนั้นจับกุมผู้ชุมนุมได้ 132 คนพร้อมช่างภาพองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส)
ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.อ.บุญเลิศประณามการกระทำของตำรวจที่ใช้แก๊สน้ำตาต่อผู้ชุมนุม และประกาศพร้อมจะแถลงแนวทางการชุมนุมก่อนเที่ยงวัน โดยย้ำว่า จำเป็นต้องใช้หมัดเด็ด
เวลา 10.10 น. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช.) แถลงเหตุผลในการใช้แก๊สน้ำตาเพราะผู้ชุมนุมพยายามฝ่าแนวกั้นที่เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นเส้นทางเอาไว้ จึงใช้มาตรการตามแผนปฏิบัติการควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อย พร้อมระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย สาหัส 2 นาย สามารถควบคุมผู้ชุมนุมได้ 100 คน ยึดกระสุนปืน .38 ได้จำนวน 30 นัด และอาวุธมีดจำนวนหนึ่ง รวมถึงเตรียมพร้อมกำลังสนับสนุนอีก 38 กองร้อยหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง
เวลา 10.26 น.บริเวณแยกมิสกวันจนถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ยังอยู่ในสถานการณ์เผชิญหน้า โดยผู้ชุมนุมโห่ร้อง ขณะที่ตำรวจเคาะโล่เป็นระยะ ๆ