นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กรณีโครงการจัดหาเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือจำนวน 3 ลำมูลค่า 535 ล้านบาทว่า พบความไม่โปร่งใส ซึ่งอาจจะเข้าข่ายเอื้อเอกชนบางราย และ ยังเข้าข่ายมีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว และ ผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วยการอนุมัติยกเลิกชะลอการลงนาม ที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหมที่ได้ระงับไว้
อดีต ส.ส.เพชรบุรี ยังย้ำว่า โครงการนี้จัดซื้อด้วยวิธีพิเศษรวบรัดการประมูล โดยมีการยื่นซองประมูลเพียง 2 ราย รวมถึงผิดเงื่อนไขทีโออาร์ ซึ่ง รมว.กลาโหมมีบกพร่องต่อหน้าที่ทราบเรื่องดังกล่าวแล้วแต่ไม่ระงับยับยั้ง ทำให้ราชการเสียประโยชน์
พล.อ.อ.สุกำพล ชี้แจงว่า ตนเองเข้ามาปลดล็อค โดยเรียกทีมงานเข้ามาพิจารณาประเด็นปัญหา ถึง 3 ครั้ง ได้คุยทุกประเด็น จนมั่นใจจึงเข้ามาปลอดล็อคไม่ได้มาหาผลประโยชน์ พร้อมยืนยันว่าไม่มีเรื่องทุจริต
ต่อมานายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายถึงเรื่อง รมว.กลาโหม เสนอ ครม.อนุมัติโครงการปรับปรุงการรบในโครงการปรับปรุงเรือฟริเกต ชุด รล.นเรศวร (เรือหลวง) ระยะที่ 2 โดยวิธีพิเศษวงเงิน 2,699 ล้านบาทซึ่งเป็นงบผูกพันข้ามปีจากโครงการปรับปรุงเรือระยะที่ 1 โดยมีการเปลี่ยนสเปคจากแท่นยิงเป้าลวงแบบหมุนได้มาเป็นแท่นยิงเป้าลวงแบบอยู่กับที่ โดยจากเดิมที่มีการเสนอระบบแท่นยิงเป้าลวง Sagem NGDS มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นระบบแท่นยิงเป้าลวงรุ่น Tarma SKWS ซึ่งเป็นการติดตั้งที่ไม่ตรงตามทีโออาร์ ( TOR) กำหนดไว้
ขณะเดียวกัน ส.ส.สงขลา ยังอ้างว่า ในโครงการนี้ฝ่ายการเมืองได้ส่วนแบ่ง 35 เปอร์เซ็นต์ หรือ ประมาณ 1,000 ล้านบาท