หลังจากโมฮาเหม็ด บิน ฮัมมัม ประธานสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ เอเอฟซี จากกาตาร์ วัย 62 ปี ถูกกล่าวหาว่า จ่ายเงินซื้อเสียงรับเลือกตั้งจากสหภาพฟุตบอลแคริบเบียน หรือซีเอฟยู ระหว่างการเดืนทางไปประชุมนัดพิเศษ ร่วมกับ เเจ็ค วอเนอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลคอนคาเคฟ เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาจนถูกชัค เบลเซอร์ หนึ่งในคณะกรรมการบริหารของฟีฟ่าชาวอเมริกัน และ เลขาธิการสหพันธ์ฟุตบอลคอนคาเคฟ ได้รายงานต่อ เฌอโรม วัลเก้ เลขาธิการของฟีฟ่าส่งผลให้คณะกรรมการทางวินัยของฟีฟ่าได้มีคำสั่งเรียกตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาสอบสวนในวันนี้ที่นครซูริค ประเทศสวิสเซอร์เเลนด์ในวันนี้ ก่อนวันเลือกตั้งประธานฟีฟ่าเพียงเเค่ 2 วัน
ล่าสุดบิน ฮัมมัม ได้ออกมาประกาศถอนตัวจากการลงสมัครท้าชิงตำแหน่งประธานฟีฟ่าเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว โดยให้เหตุผลว่า เค้าเสียความรู้สึกอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากบินฮัมมัม มองว่า เค้าต้องการเห็นการเปลี่ยนเเปลงในฟีฟ่าด้วยหนทางประชาธิปไตยเเละโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้ เเต่กลับมาพบเจอกับเรื่องที่ทำให้องค์ฟุตบอลระดับโลกที่รักต้องมาเสื่อมเสียชื่อเสียงท่ามกลางการลงสมัครเเย่งชิงตำแหน่งประธานฟีฟ่าของบุคคล 2 คน
บิน ฮัมมัม ยืนยัน ว่าจะเข้ารับการสอบสวนจากคณะกรรมการทางวินัยของฟีฟ่าตามกำหนดการเดิม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง พร้อมกับ แจ๊ค วอร์เนอร์ บอร์ดบริหารฟีฟ่า ชาวตรินิแดด แอนด์ โตเบโก เด็บบี มิงเกลล์ และ เจสัน ซิลเวสเตอร์ สองเจ้าหน้าที่สหภาพฟุตบอลแคริบเบียน หรือ ซีเอฟยู รวมถึง เซ็ป แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่า วัย 75 ปี ที่ถูกบินฮัมัม เรียกร้องให้มีการตรวจสอบได้ถูกเรียกตัวมาสอบสวนด้วยเช่นกัน เเละ หากเเบล็ตเตอร์ถูกสอบสวนเเล้วไม่พบความผิด มีโอกาสสูงที่จะได้นั่งในตำแหน่งประธานฟีฟ่าเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน รวมระยะเวลา 16 ปี เนื่องจากเวลานี้เหลือผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานฟีฟ่าเพียงเเค่คนเดียวเท่านั้น