ชาวฟิลิปปินส์ประท้วง
พาสปอร์ตอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ของจีนซึ่งมีหน้าปกเป็นภาพหมู่เกาะพิพาทในทะเลจีนใต้กลายเป็นชนวนสร้างความบาดหมางให้กับประเทศเพื่อนบ้านที่อ้างกรรมสิทธิเหนือหมู่เกาะพิพาทเช่นกัน ล่าสุด กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวฟิลิปปินส์ราว 20 คน ประท้วงหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำฟิลิปปินส์ โดยผู้ประท้วงระบุว่า รับไม่ได้ พร้อมอ้างว่าเกาะพิพาทอยู่ในอาณาเขตของฟิลิปปินส์ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวของจีนเป็นการละเมิดกฎหมายนานาชาติ
นอกจากจีนแล้วยังมีประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และ ไต้หวัน ที่อ้างกรรมสิทธิเหนือบริเวณหมู่เกาะพิพาทในทะเลจีนใต้
ก่อนหน้านี้เวียดนามตอบโต้พาสปอร์ตใหม่ของจีนด้วยการไม่ประทับตรวจลงตรา หรือ วีซ่าในพาสปอร์ตของจีน และเลี่ยงไปประทับวีซ่าในเอกสารที่ออกให้อีกใบหนึ่งต่างหาก ขณะที่อินโดนีเซียเห็นว่า จีนทำสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ ส่วนสหรัฐฯ ระบุว่าเป็นการไม่ช่วยอะไรเลยซ้ำยังทำให้บรรยากาศการเจรจากรณีหมู่เกาะพิพาทยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก
ขณะที่จีนและสื่อทางการของจีนอ้างว่า เหตุที่จีนนำภาพหมู่เกาะพิมพ์บนหน้าปกพาสปอร์ตเพราะมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ปี2490 แล้วว่า อาณาเขตของจีนครอบคลุมหมู่เกาะพาราเซลทางตะวันออกของเวียดนาม, หมู่เกาะสแปรตลีย์ ทางตะวันตกของฟิลิปปินส์ และแนวหินโสโครกสการ์โบโรห์ ในทะเลจีนใต้
ส่วนนักวิชาการด้านนานาชาติศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่งระบุว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรที่จีนทำเช่นนี้ เพราะจีนเพียงแต่ทำตามตัวอย่างที่มีอยู่แล้วทั้งนั้น เช่น สหรัฐฯ มีเกาะกวมซึ่งอยู่ในเอเชียและห่างจากสหรัฐฯ มากมาย ส่วนฝรั่งเศสเป็นเจ้าของหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้
นอกจากนี้ปัญหาเกาะพิพาทยังคุกรุ่นขึ้นมาในช่วงนี้พร้อมๆกัน โดยกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์เรียกร้องให้จีนถอนเรือของรัฐบาลจีน 3 ลำออกจากบริเวณแนวกินโสโครกสการ์โบโรห์ในทะเลจีนใต้ หลังจากฟิลิปปินส์ถอนเรือของฟิลิปปินส์ออกไปตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนแล้ว แต่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า จีนมีสิทธิลาดตระเวนทางทะเลในทะเลจีนใต้ตามระเบียบข้อบังคับใหม่ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โดยจีนให้สิทธิตำรวจมลฑลไหหนานลาดตระเวน และยึดเรือต่างชาติที่รุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของจีนอย่างผิดกฎหมายได้