ความโด่งดังของ Hold It Against Me เพลงป็อปแดนซ์ที่ใช้เปิดตัว Femme Fatale ผลงานอัลบั้มชุดที่ 7 ของ บริทนีย์ สเปียร์ส เมื่อปี 2011 ถือเป็นก้าวแรกของการกลับมาทวงอดีตเจ้าหญิงเพลงป็อปในวัย 31 ปี ความสำเร็จของอัลบั้มตลอดจนทัวร์คอนเสิร์ตตลอดปีที่ผ่านมา ส่งให้เธอเป็นศิลปินหญิงที่ทำรายได้มากที่สุดของวงการเพลงในปี 2012 ด้วยรายได้ก่อนหักภาษีถึง 58 ล้านดอลลาร์หรือ 1,740 ล้านบาท
ผลสำรวจนี้จัดทำโดยนิตยสาร Forbes จากการเก็บข้อมูลรายได้ยอดขายอัลบั้ม ตั๋วคอนเสิร์ต และการสัมภาษณ์ผู้จัดการและทนายส่วนตัวของศิลปิน นอกจากงานเพลงแล้ว ปีที่ผ่านมาบริทนีย์ยังทำรายได้จากการเป็นแบบโฆษณา ออกแบรนด์น้ำหอมของตนเอง รวมถึงค่าตัว 15 ล้านดอลลาร์ในการเป็นคอมเมนเตเตอร์ให้รายการ X Factor ของสหรัฐฯ โดย ลอรี แลนดิว นักกฎหมายที่ช่วยให้บริทนีย์ได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องครั้งแรกตั้งแต่วัยรุ่น กล่าวว่าบริทนีย์มีเสน่ห์ทั้งอยู่บนเวทีและชีวิตส่วนตัว ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่อยู่เสมอ
ศิลปินอันดับ 2 ที่ทำรายได้ตามมาติดๆด้วยรายได้ 57 ล้านดอลลาร์ คือ เทเลอร์ สวิฟท์ เจ้าหญิงวงการเพลงคนปัจจุบัน ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งจาก Red อัลบั้มเปิดตัวด้วยยอดขายสูงสุดในรอบทศวรรษ และทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำเงินแก่นักร้องสาววัย 22 ปีถึงคืนละล้านดอลลาร์ รวมถึงรายได้เสริมจากการเป็นแบบโฆษณาผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกมากมาย
การใช้ชื่อเสียงสร้างจุดขายให้สินค้าความงาม สร้างรายได้ไม่น้อยให้ศิลปินหญิงยุคนี้ โดยรีฮานน่า ซึ่งเป็นศิลปินสาวที่มีรายได้สูงเป็นอันดับ 3 ก็เป็นแบบให้กับโฆษณาและมีแบรนด์น้ำหอมของตนเอง ขณะที่แชมป์ทำเงินปีก่อน เลดี้ กาก้า ซึ่งครั้งนี้อยู่ที่อันดับ 4 ก็มีรายได้จากน้ำหอมที่จัดจำหน่ายเอง นอกเหนือไปจากการทำเงินจากทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก ขณะที่อันดับ 5 เคที เพอร์รี ซึ่งทำสถิติเทียบเท่าราชาเพลงป็อป ไมเคิล แจ็คสัน ในการส่งซิงเกิลจากอัลบั้มเดียวกันติดอันดับ 1 ถึง 5 เพลง และมีรายได้จากยอดขายน้ำหอม รวมถึง Part of Me ภาพยนตร์สารคดีบอกเล่าเส้นทางในวงการของเธอเอง