ซึ่งนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า เป็นเรื่องดีที่นายกรัฐมนตรี จะได้เห็นสภาพพื้นที่จริง และเร่งเดินหน้าโครงการหลังล่าช้ามากว่า 8 เดือน หลังรัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาสานต่อโครงการจากรัฐบาลประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ต้องการให้นายกรัฐมนตรีใช้โอกาสหารือเพื่อกำหนดความชัดเจนในการก่อสร้าง เพราะมีการตั้งคณะกรรมการและอนุกรรมการขึ้นมาหลายชุด ซึ่งเป็นลักษณะของของภาครัฐ ทำให้ภาคเอกชนไม่กล้าดำเนินการ เนื่องจากไม่ทราบว่านโยบายรัฐบาล
สำหรับโครงการนี้เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ เป็นฐานผลิตสำคัญของเออีซี นายอลงกรณ์เห็นว่า บทบาทดังกล่าวควรเป็นของภาคเอกชน รัฐควรเป็นผู้สนับสนุน และการดำเนินการควรอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของทั้วสองประเทศ ไม่ควรมีประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยร่วมทำธุรกิจกับนายพลคิ่น ยุนต์ อดีตประธานาธิบดีพม่า ที่มีการทจุริตเกิดขึ้น
โดยนายกรัฐมนตรีควรใช้โอกาสแบ่งปันผลประโยชน์จากโครงการมายังไทย โดยเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ จ.กาญจนบุรี เพื่อเป็นประตูสู่ทวายโปรเจ็กต์ ที่ถือเป็นต้นน้ำและกลางน้ำในการผลิต ซึ่งไทยถือเป็นปลายน้ำที่สามารถรองรับเรื่องการผลิตอาหารที่ได้รับการยอมรับเรื่องมาตรฐานการส่งออก รวมไปถึงอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ อิเลกทรอนิกส์ และอุปกรณ์ด้านไอที