กสทช. ประกาศบังคับใช้ กม.คุ้มครองผู้ใช้มือถือ 3 เรื่อง
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่า กสทช.ได้ออกคำสั่งปกครอง 3 เรื่อง เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคในปี 2556 คือ 1.ออกคำสั่งค่าปรับ 3 บริษัท ได้แก่ ดีแทค, เอไอเอส และทรูมูฟ ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ห้ามกำหนดวันหมดอายุบนบัตรเติมเงินประเภทเรียกเก็บค่าบริการล่วงหน้า หรือ พรีเพด และสั่งปรับเงิน 100,000 บาทต่อวัน โดยเริ่มคิดจากวันที่ 30 พฤษภาคม 2555
นอกจากนี้ ยังออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 5 ราย ลงทะเบียนลูกค้าให้จัดเก็บข้อมูลและรายละเอียดของลูกค้าระบบเติมเงิน ตามประกาศ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดสรรและบริการหมายเลขโทรคมนาคม พ.ศ.2551 หากไม่ปฏิบัติตาม จะดำเนินการจ่ายค่าปรับวันละ 80,000 บาท นับจากวันที่ 6 กรกฎาคม 2555 และให้บริษัท ทีโอที จำกัด มหาชน ทำสัญญาการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมกับ ดีแทค เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อการใช้งานให้แล้วเสร็จ และให้ทีโอทีชำระค่าปรับย้อนหลังจำนวน 20,000 บาทต่อวัน ตามคำสั่งศาลปกครองที่ได้ยกฟ้อง เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่รัฐกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และข้อให้การคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว
ขณะที่ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์เกี่ยวกับอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปี 2556 ว่า จะต้องไม่มีการคิดค่าบริการที่เกินกว่านาทีละ 99 สตางค์อีกต่อไป โดยเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้คือ ประกาศ กสทช. เรื่อง อัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคม สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ. 2555
ด้านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะโฆษกผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นอุทธรณ์คดีประมูลใบอนุญาต 3G ต่อศาลปกครองสูงสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.55 และเมื่อวันที่ 2 ม.ค.56 ได้รับหนังสือตอบรับจากศาลปกครองยืนยันกลับมาแล้วเช่นกัน โดยประเด็นที่อุทธรณ์ไปนั้นได้พยายามชี้ให้ศาลเห็นว่า ผู้ตรวจการฯ มีอำนาจฟ้องเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวของ กสทช.ตามมาตรา 245 ที่ระบุว่าหากผู้ตรวจการฯ มีความเห็นว่ามีปัญหาความไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญก็สามารถยื่นฟ้องได้