ผุดแนวคิดครูทหารสอนหนังสือภาคใต้
การสูญเสียครูมากถึง 157 ชีวิต ตลอด 9 ปีของเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ครูบางส่วนในสถานศึกษากว่า 1,300 แห่ง ต้องขอย้ายไปปฏิบัติราชการชั่วคราว ในสำนักงานเขตการศึกษาของแต่ละจังหวัด หรือไม่ก็ขอย้ายออกจากพื้นที่ ส่งผลให้หลายโรงเรียนขาดแคลนครู กระทบต่อคุณภาพการศึกษา เป็นเหตุผลหนึ่งที่กระทรวงกลาโหม ได้ริเริ่มแนวความคิดการฝึกอบรมการสอนหนังสือให้กับ ทหาร, ตำรวจตระเวนชายแดน และอาสาสมัครรักษาดินแดน เพราะอาจต้องไปปฏิบัติหน้าที่แทนครู
แต่ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ มองว่า รัฐควรหันมาพัฒนาบุตรหลานของผู้คนในชุมชน ที่มีคุณวุฒิทางการศึกษามากกว่าการพัฒนาเจ้าหน้าที่ของภาครัฐเอง เพราะหากเป็นคนในพื้นที่ ก็จะได้ครูซึ่งมีความใกล้ชิดกับชาวบ้านมากกว่า การที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจและอาสาสมัคร ก็ตกเป็นเป้าหมายการก่อเหตุไม่แตกต่างกับครู ทำให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นว่ารัฐควรคิดให้รอบคอบ ก่อนนำบุคลากรเหล่านี้มาจับชอล์คสอนหนังสือแทนการจับปืน ประสิทธิภาพ ในการเรียนการสอนก็เป็นข้อห่วงใยอย่างหนึ่ง เพราะในขณะนี้ แม้จะเป็นครูมืออาชีพแต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยังอยู่ในระดับต่ำหากเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นๆ และที่สำคัญหากในอนาคตจะมีเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยอื่น เข้ามาสอนหนังสือแทนครูให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนก็ต้องสอบถามประชาชนว่า จะสมัครใจส่งลูกหลานมาเรียนหนังสือหรือไม่
ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา มีโรงเรียนกว่า 1,300 แห่ง มีข้าราชการครูและพนักงานราชการทั้งหมด รวมกว่า 23,000 คน ขณะที่มีกำลังพลด้านความมั่นคงทั้ง ทหาร, ตำรวจและอาสาสมัคร ทำหน้าที่ดูแลความไม่สงบประมาณ 60,000 นาย ซึ่งหากแนวคิดการพัฒนาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงให้ไปปฏิบัติหน้าที่แทนครู เกิดขึ้นจริงในอนาคต กำลังพลในการดูแลความปลอดภัยครู รวมถึงประชาชนโดยรวมก็จะลดน้อยลง และท้ายที่สุดจะเกิดคำถาม เรื่องการใช้คนให้ถูกกับงานแล้วหรือยัง