วุฒิสภา เตือน ท่าที รมว.ต่างประเทศ อาจกระทบต่อคดีปราสาทพระวิหาร
คดีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ระหว่างไทยและกัมพูชา ล่าสุดวุฒิสภาและผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวย้ำให้ "นายกรัฐมนตรี" ตักเตือนหรือพิจารณาปลดนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เนื่องจากการแสดงออกจะกระทบต่อการต่อสู้คดีในศาลโลก
การแถลงข่าวกล่าวย้ำข้อมูลของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งพาดพิงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และให้สัมภาษณ์ประเมินผลแห่งคดีปราสาทพระวิหารต่อศาลโลกในทางลบ เป็นเหตุผลสำคัญที่ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ออกมาเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี กล่าวตักเตือนหรือปลดนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เพราะท่าทีที่แสดงออก หรือสาระสำคัญของการพูด อาจส่งผลกระทบต่อคดีได้
ขณะเดียวกันระหว่างการประชุมวุฒิสภา ส.ว.หลายคนลุกขึ้นอภิปราย หารือกรณีคดีปราสาทพระวิหาร โดยนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา อภิปราย เรื่องความไม่เหมาะสมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
ขณะที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา อภิปรายเชื่อมั่นว่า แนวโน้มของคดี คือแพ้และชนะ จึงเห็นว่ารัฐบาลควรยืนยันอาณาบริเวณที่ล้อมรั้วลวดหนาม พร้อมกับเตรียมรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต
ขณะที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวย้ำว่า กองทัพจะปฏิบัติหน้าที่ยึดหลักกฎหมาย และข้อเท็จจริง หากเกิดเหตุพิพาทเรื่องเส้นเขตแดนขึ้น มั่นใจว่าไทยและกัมพูชา จะใช้วิธี"การเจรจา" เพื่อหาทางออกร่วมกัน
และก่อนประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาส่วนหนึ่งหารือการเตรียมเดินทางเยือนกัมพูชา เพื่อร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหนุ ในวันที่ 4 ก.พ.
นอกจาก 2 ประเด็นที่ผู้นำฝ่ายค้านอ้างอิงถึงท่าทีของนายสุรพงษ์ มีรายงานจากพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีของพรรค ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี กรณีนายสุรพงษ์แสดงเจตนาไม่ร่วมคณะไปแถลงปิดคดีในศาลโลก ซึ่งกลายเป็นผลกระทบต่อคดีปราสาทพระวิหารได้
โดยให้เหตุผลว่า แม้ไม่ใช่ผู้แทนฝ่ายไทย ในการขึ้นแถลงปิดคดี เช่นเดียวกับกัมพูชาที่ให้รัฐมนตรีต่างประเทศ หรือนายฮอนัมฮง เป็นผู้แถลงปิดคดี
แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คือภาพลักษณ์รัฐบาลไทย ในสายตานานาประเทศ จึงทำให้นายกรัฐมนตรี ต้องกล่าวตักเตือน หลังจากนั้นนายสุรพงษ์ ก็เปลี่ยนท่าทีใหม่แล้ว