ผู้ซื้อยังไม่ตระหนักเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ปราศจากแร่ใยหิน 
ผู้ผลิตกระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์ หรือกระเบื้องลอนบางราย ชูจุดขายด้านสุขภาพจากการยกเลิกใช้แร่ใยหินในสินค้าทุกชนิดของบริษัท ผ่านโฆษณาสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา รวมถึงใบปิดโฆษณาหน้าร้านค้าวัสดุก่อสร้าง
ตั้งแต่ปี 2553 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค บังคับให้สินค้าบางประเภทติดฉลากและข้อความเตือนผู้บริโภคให้ระวังสินค้าที่มีส่วนผสมแร่ใยหิน แต่การซื้อขายในตลาดค้าวัสดุก่อสร้าง กลับพบว่า ลูกค้าขาดความใส่ใจในเรื่องนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่มักจะเน้นสินค้าราคาถูกเป็นหลักเพื่อลดต้นทุนดำเนินการ และมองวัสดุมุงหลังคาเป็นเพียงสิ่งคุ้มกันแดดฝนเท่านั้น
ปัจจุบันยังมีการนำเข้าแร่ใยหินเพียงชนิดเดียวคือ ใยหินขาว หรือ ไครโซไทล์ ปีละกว่า 50,000 ตัน มากกว่าร้อยละ 90 ใช้ในการผลิตกระเบื้องลอน โดยตลาดกระเบื้องชนิดนี้มีมูลค่าปีละ 10,000 ล้านบาท ทั้งผลิตเพื่อใช้ในประเทศและส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน จึงยังมีปริมาณกระเบื้องลอนใช้แร่ใยหินอยู่เกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด
ผู้ผลิตกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ ที่เลิกใช้แร่ใยหินทั้ง 2 ราย ยอมรับว่า ผู้ใช้สินค้ายังขาดความตระหนักที่จะเลือกสินค้าที่ไร้แร่ใยหินแต่เชื่อว่าอีกไม่ช้าจะสามารถรณรงค์ให้ผู้บริโภคใส่ใจด้านสุขภาพมากขึ้น ไทยอนุญาตให้นำเข้าแร่ใยหินนานถึง 40 ปี แต่มติ ครม.เมื่อปี 2554 เห็นชอบตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน เพื่อป้องกันมะเร็งปอด โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการยกเลิก แต่ล่าสุดยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้ผู้รณรงค์ยกเลิกใช้แร่ใยหินกังวลว่า หากแผนยกเลิกใช้แร่ใยหินยังไม่เป็นรูปธรรมใน 2 ปี นอกจากผลิตภัณฑ์ในประเทศแล้ว ยังยากที่จะสกัดกั้นไม่ให้สินค้าที่ส่วนผสมของแร่ใยหินจากต่างประเทศทะลักเข้าไทย เมื่อได้เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนไปแล้ว