ขณะเดียวกันความขัดแย้งเรื่องการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเกาะในทะเลจีนตะวันออกของจีนและญี่ปุ่น สถานการณ์ตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อเรือรบของจีนได้ตั้งเรดาร์หันไปทางเรือของญี่ปุ่นที่ประจำการอยู่ใกล้กับเกาะพิพาท
รัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่น แถลงข่าวเพื่อให้รายละเอียดว่าเรือ "เจียง เว่ย" ซึ่งเป็นรบของจีนได้ตั้งเรดาร์โดยมีเรือ "ยูดาชิ" ของญี่ปุ่น ซึ่งประจำการอยู่ใกล้กับเกาะเซ็นกากุหรือเกาะเตียวหยูในภาษาจีน จากการตรวจสอบของทางการญี่ปุ่นพบว่าเรดาร์ของเรือรบจีน เป็นเรดาร์นำวิถียิงขีปนาวุธ ซึ่งการตั้งเรดาร์หันมาทางเรือของญี่ปุ่นแบบนี้ ถือเป็นเรื่องไม่ปกติ และทำให้สถานการณ์สุ่มเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงยื่นเรื่องประท้วงรัฐบาลจีน ผ่านช่องทางทางการทูต มีความกังวลว่า การที่เรือรบของทั้งสองประเทศเผชิญหน้ากับแบบนี้ และยังมีการตระเตียมอาวุธไว้รอท่า หากเกิดอุบัติเหตุพลาดพลั้งขึ้นมาเช่นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดยิงขีปนาวุธออกมาก่อน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ย่อมส่งผลกระทบไปทั้งภูมิภาค ซึ่งตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็ย่ำแย่อยู่แล้ว
นอกจากปัญหาเรื่องเกาะพิพาทแล้ว ยังมีปัญหาใหม่ที่อาจจะยิ่งซ้ำเติมให้สถานการณ์ระหว่างสองประเทศแย่ไปกว่าเดิม นั่นคือปัญหาเรื่องหมอกควันพิษจากประเทศจีน ที่ลอยข้ามทะเลมาประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือเกาะคิวชู ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น เมื่อวานนี้ (5ก.พ.56) รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งโต๊ะแถลงถึงมาตรการรับมือหมอกควันพิษจากประเทศจีน
โดยรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นระบุว่าหน่วยงานท้องถิ่นในภาคตะวันตก ได้จัดตั้งสถานีตรวจสอบมลภาวะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบแห่ง เพื่อให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ของตัวเองได้อย่างใกล้ชิด เมื่อสัปดาห์ก่อนในเมืองฟูกูโอกะบนเกาะคิวชู วัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กได้มากกว่า 3 เท่าของปริมาณที่กฎหมายระบุไว้ว่าไม่ควรเกิน 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ขณะที่ทางการจีนแถลงว่าได้เตรียมมาตรการฉุกเฉินไว้รับมือกับมลภาวะแล้ว โดยมีทั้งแผนการระยะกลางและระยะยาว โดยเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในกรุงปักกิ่งของจีนพุ่งสูงถึง 755 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา อันตรายของการสูดเอาฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าไปในร่างกาย จะทำให้ฝุ่นละอองเหล่านี้เข้าไปฝังในปอด