เรียลลิตี้โชว์หาประโยชน์ จากผู้เสพยาเสพติด
มินดี แม็คเครดี นักร้องสาวแนวคันทรีชื่อดัง เสียชีวิตอายุ 37 ปี ด้วยการยิงตัวตาย ภายในบ้านพักที่เมืองคลีเบิร์น เคาท์ตี้ รัฐอาร์คันซอ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการสูญเสียครั้งล่าสุดของคนวงการบันเทิงที่เคยร่วมรายการ Celebrity Rehab with Dr. Drew เรียลลิตี้ โชว์ ที่มีจุดเด่น โดยการนำคนดังที่ติดสุรา หรือ ยาเสพติดมาบำบัด แต่พบว่า 2 ปีที่ผ่านมา มีคนดังที่มาออกรายการ เสียชีวิตเพราะปัญหายาเสพติด จำนวน 5 คน
รายการ Celebrity Rehab with Dr. Drew เริ่มออกอากาศตั้งแต่ปี 2008 ดำเนินรายการโดย ดรูว์ พินสกี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดผู้ป่วยจากการเสพติด โดยฤดูกาลแรก เจฟ คอนาเวย์ อดีตนักแสดงจากหนังดังเรื่อง Grease ที่เข้ารับการบำบัด แต่เสียชีวิตใน 3 ปีต่อมา จากอาการปอดอักเสบ ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดจากการเสพยา ต่อด้วย ฤดูกาลที่ 2 ที่ รอดนีย์ คิง ผู้จุดกระแสการจราจลครั้งใหญ่ใน ลอส แองเจลิสเมื่อปี 1991 เสียชีวิตเมื่อปี 2555 จากอุบัติเหตุจมน้ำในบ้านพักเพราะความมึนเมา และในฤดูกาลที่ 3 ซึ่งมี ไมค์ สตาร์ อดีตมือเบสของวง Alice in Chains และ โจอี้ โควาร์ อดีตนักแสดงเรียลลิตี้ โชว์ มาร่วมบำบัด แต่ทั้ง 2 คน เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด
ข่าวการเสียชีวิตของ มินดี แม็คเครดี ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ต่อตัวรายการที่ไม่สามารถบำบัดผู้ป่วยได้ ทั้ง ริชาร์ด มาร์กซ์ นักร้องดัง ที่ทวิตข้อความเปรียบเทียบ นายแพทย์พินสกี ผู้ดำเนินรายการ เป็นดร.แจ็ค เควอร์เคียน เจ้าของฉายาแพทย์แห่งการฆ่าตัวตาย ส่วน แดนนี ซูเคอร์ ผู้ผลิตซีรีย์ชั้นนำ Modern Family ชี้ว่าอัตราการเสียชีวิตถึงร้อยละ 10 ของผู้ร่วมรายการนั้น มากเกินไป และวิจารณ์พินสกีว่าเป็นแพทย์ที่หาประโยชน์จากคนดังในช่วงที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด
ตามสถิติในปี 2010 มีชาวสหรัฐฯ ฆ่าตัวตายกว่า 3,800ราย หรือเฉลี่ย 105 คนต่อวัน โดยพบว่า 1 ใน 3 มีผลมาจากจากการดื่มสุรา และร้อยละ 20 พบสารเสพติดในร่างกาย แม้ไม่มีข้อมูลแน่ชัดถึงอัตราการฆ่าตัวตายของผู้ป่วยหลังการบำบัด แต่พบว่าผู้มีประวัติเสพยามีแนวโน้มการฆ่าตัวตายสูงกว่าคนทั่วไป
ขณะที่รองศาสตราจารย์ ดร. ชารอน เฮิร์ช แห่งภาควิชาจิตเวช และประสาทวิทยาศาสตร์ ม.ชิคาโก กล่าวว่ารายการ Celebrity Rehab ช่วยให้สังคมตระหนักถึงความอันตรายของยาเสพติดและปัญหาจากโรคซึมเศร้า ที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต เหมือนโรคหัวใจหรือมะเร็ง แต่การบำบัดผู้ป่วยจำเป็นต้องมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเธอไม่คิดว่าการนำผู้ป่วยมารักษาโดยนำมาออกรายการ เรียลลิตี้ โชว์จะช่วยอะไรได้ สำหรับเธอแล้วรายการเป็นแค่ความบันเทิงไม่ใช่การบำบัดที่แท้จริง