ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“บีทีเอส” เล็งปรับค่าโดยสาร เม.ย.นี้ คาดจะได้ข้อสรุปราคาเร็วๆ นี้

สังคม
21 ก.พ. 56
03:53
39
Logo Thai PBS
“บีทีเอส” เล็งปรับค่าโดยสาร เม.ย.นี้ คาดจะได้ข้อสรุปราคาเร็วๆ นี้

ดีเอสไอยืนยันว่า การจัดตั้งกองทุนของบีทีเอส ไม่เกี่ยวกับกรณีการตรวจสอบต่อขยายอายุสัญญาสัมปทานเดินรถกับกรุงเทพมหานคร เป็นอำนาจของ ก.ล.ต.ในการพิจารณา ขณะที่บีทีเอส เตรียมปรับค่าโดยสารตามสัญญาสัมปทานในเดือนเมษายนนี้ โดยมีช่องว่างตามกฎหมายให้ปรับขึ้นได้อีกร้อยละ 25

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด มหาชน หรือ บีทีเอส เปิดเผยว่า บีทีเอส เตรียมปรับขึ้นค่าโดยสารในเดือนเม.ย.หรือมิ.ย.นี้ หลังจากต้นทุนค่าไฟฟ้า ค่าจ้างแรงงาน และค่าซ่อมบำรุง เพิ่มขึ้น แต่จะปรับขึ้นเป็นเท่าใดนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด คาดว่าได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้

ซึ่งตามสัญญาสัมปทานยังเปิดช่องให้สามารถปรับขึ้นค่าโดยสารที่ระดับ 18-51 บาท หรือมีส่วนต่างที่ปรับขึ้นได้อีก ร้อยละ 25 โดยก่อนหน้านี้ที่บริษัทปรับขึ้นค่าโดยสารคือช่วงปี 2548 ได้ปรับขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 10 เท่านั้น

ส่วนกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ทำหนังสือสอบถามการตรวจสอบเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอส โกรท ซึ่งเป็นกองทุนที่มีการยื่นขอจัดตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนเข้าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จัดการบัวหลวง โดยบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ได้เสนอขายกองทุนรวมดังกล่าวให้กับประชาชนทั่วไปนั้น

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า จากการตรวจสอบหลักฐานและสอบปากคำพยานดีเอสไอได้ทำความเห็นตอบกลับ ก.ล.ต.ไปแล้วว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีต่อขยายสัญญาสัมปทานบีทีเอสที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งการที่จะอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนเพื่อขายหน่วยลงทุนหรือไม่เป็นดุลยพินิจของ ก.ล.ต.

สำหรับประเด็นดังกล่าว ก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เคยแถลงถึงการตรวจสอบการนำสัญญาต่อขยายอายุสัมปทานของบีทีเอสไปขอจัดตั้งกองทุนรวม ว่าอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ และเข้าข่ายหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน โดยตั้งข้อสังเกตว่ากองทุนดังกล่าวเป็นผลมาจากรณี กทม.โดยบริษัท กรุงเทพธนาคมฯ ทำสัญญากับบีทีเอส ระยะเวลา 30 ปี อย่างเร่งด่วนส่อเจตนาตั้งแต่แรกว่า การทำสัญญาดังกล่าว น่าจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของเอกชนในการนำผลของสัญญาไปร่วมกันจัดตั้งกองทุน เพื่อหาผลประโยชน์


ข่าวที่เกี่ยวข้อง