<"">
รัฐบาลอินเดีย เตรียมจะขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันที่ยังไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นร้อยละ 10 จากร้อยละ 2.5
ขณะที่น้ำมันที่กลั่นแล้วในรูปแบบต่างๆ จะเก็บภาษีนำเข้าเป็นร้อยละ 20 จากร้อยละ 7.5 ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในแผนของรัฐบาลที่จะเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษีโดยการขึ้นภาษีสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงภาษีนำเข้าทองคำในช่วงที่ผ่านมา เพื่อลดแรงกดดันด้านการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า นอกจากเป็นการดำเนินการเพื่อลดแรงกดดันต่อปัญหาดุลบัญชีเดินสะพัดแล้ว มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันสำหรับทำอาหารของทางการอินเดีย ยังเป็นนโยบายที่ช่วยสนับสนุนผู้ผลิตพืชน้ำมันในอินเดีย ซึ่งต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้นจากคู่แข่ง โดยเฉพาะอินโดนีเซียและมาเลเซีย
หลังจาก ที่รัฐบาลทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกได้ลดภาษีส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อระบายสต็อกในประเทศตน อันทำให้ราคาน้ำมันปาล์มนำเข้ามีราคาถูกกว่าโดยเปรียบเทียบ ขณะที่ การนำเข้าน้ำมันปาล์มจากอินโดนีเซียและมาเลเซียมีส่วนแบ่งในตลาดอินเดียถึงร้อยละ 79 ของการนำเข้าน้ำมันทำอาหารของอินเดีย (น้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลือง)
อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามว่าการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจะมีผลต่อการปรับตัวของราคาน้ำมันทำอาหารในประเทศมากน้อยเพียงใด ขณะเดียวกัน คาดว่าทางการคงจะเฝ้าติดตามสถานการณ์และพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกและความต้องการบริโภคในประเทศในระยะต่อไปเป็นสำคัญ