ยกมาตรฐานผู้ตัดสินไทยสู่ระดับฟีฟ่า
ผลงานของผู้ตัดสินในเอเชียได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดในปี 2010 โดยผู้ตัดสินจากเอเชียถึง 4 คนจากญี่ปุ่น และอุซเบกิสถาน ได้รับเลือกให้ตัดสินในรอบแรก และทำผลงานดีไปจนในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งผู้ตัดสินจากญี่ปุ่นได้ลงทำหน้าที่ในเกมบิ๊กแมตช์ ระหว่าง บราซิล กับ ฮอลแลนด์ และผู้ตัดสินจากอุซเบกิสถาน ได้ทำหน้าที่เกมที่ อาร์เจนติน่า พบ เยอรมนี การทำหน้าที่ในเกมสำคัญของฟุตบอลโลกเป็นสิ่งแสดงให้เห็นคุณภาพของผู้ตัดสินจากเอเชียที่ฟีฟ่าไว้วางใจ
หลังจากสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือเอเอฟซี ได้รับคำชมจากฟีฟ่า จึงเร่งพัฒนาผู้ตัดสินในเอเชียให้มีคุณภาพมากขึ้น เน้นการพัฒนาสมรรถภาพร่างกาย มีการเพิ่มความเข้มข้นวางมาตรฐานการทดสอบให้สูงขึ้น เพราะหากสมรรถภาพร่างกายของผู้ตัดสินดีจะช่วยให้ตามเกมฟุตบอลในปัจจุบันที่มีความเร็วสูงได้ทัน ทำให้เห็นเหตุการณ์ได้ชัด นำมาซึ่งการตัดสินที่ถูกต้อง ซึ่งเอเอฟซีมีการมอบนโยบายนี้ให้กับสมาคมฟุตบอลเช่นเดียวกัน
ในอนาคตเอเอฟซีจะมีการนำมาตรฐานของฟีฟ่าไปใช้ทดสอบผู้ตัดสิน ด้วยการวิ่ง 150 เมตร ซึ่งต้องไม่เกิน 30 วินาที และให้พักไม่เกิน 30 วินาที จำนวน 20 เที่ยว ถือเป็นการเพิ่มมาตรฐานการทดสอบที่สูงขึ้น นอกจากนั้น ผู้ตัดสินไทยจะต้องเร่งศึกษากฎกติกาฟุตบอลให้แม่นยำ ศึกษาแท็คติกการเล่นใหม่ๆ ให้ทันเกมฟุตบอลในยุคนี้ เพื่อให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกับผู้ตัดสินจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ที่รับหน้าที่เป็นผู้ตัดสินมืออาชีพ
การพัฒนาศักยภาพจะยกระดับอาชีพให้มีค่าตัวสูงขึ้นด้วย โดยมีค่าจ้างในการเป่าสูงถึงนัดละไม่ต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 30,000 บาท พร้อมกับการยอมรับจากทั่วโลก