วันนี้ (1มี.ค.)นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศว่า ได้ติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าต่างๆ ซึ่งในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมาการเจรจาการค้าทั้งหมดหยุดชะงัก ซึ่งเราก็เห็นประโยชน์และความจำเป็นในการเจรจาการค้าซึ่งส่งผลกระทบต่อไทยอย่างมาก ตามข้อตกลงเดิมและการเจรจากับกลุ่มประเทศยุโรปก็มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับประเทศคู่แข่งของเรา หรือกับประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวัออกมากขึ้น ซึ่งไทยจำเป็นต้องเปิดการเจรจาหลังจากได้ผ่านกรอบการเจรจาไปแล้ว
นายกิตติรัตน์ ยืนยันว่า กลุ่มสินค้าที่มีผลต่อสุขภาพ อาทิ แอลกอฮอลล์ และยาสูบ จะไม่นำไปสู่การเจรจาจนเกิดข้อเสียเปรียบ หรือที่จะต้องปฏิบัติให้เกิดผลเสียเพื่อแลกกับประโยชน์ด้านอื่นเป็นอันขาด ดังนั้น หัวหน้าคณะเจรจาไทย-ยุโรป หลังจากที่ได้พบกับภาคประชาชนที่ห่วงใยและยืนยันไปแล้ว และมีความเห็นชอบว่าคณะเจรจาจะมีผู้แทนภาคประชาชนด้วย ก็จะสามารถปรึกษาหารือของภาคประชาชนก่อนการเจรจาแต่ละรอบและภายังการหารือแต่ละรอบด้วย