ผอ.ไทยพีบีเอส เปิดใจชะลอ “ตอบโจทย์ตอน 5” ยันพิจารณารอบคอบ-ไม่ถูกแทรกแซง
“เราต้องถือว่า ผู้ร้องเรียนเป็นผู้ชมผู้ฟังจำนวนหนึ่ง ที่เราต้องฟังเสียงเหมือนกัน ภายใต้สถานการณ์นี้ เราขอเวลาที่จะตั้งสติว่าจะทำเรื่องนี้อย่างไรจึงนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการรับและ พิจารณาเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งเป็นกลไกตามกฎหมายของไทยพีบีเอส ที่มีองค์ประกอบ มาจากตัวแทนภายในและบุคคลภายนอกซึ่งเป็นองค์กรทางสังคมทั้งจากสมาคมนักข่าววิทยุฯ สภาการ หนังสือพิมพ์ นักวิชาการ นักกฎหมาย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ผู้ทรงคุณวุฒิและ ตัวแทน สภาผู้ชมผู้ฟังด้วย เราคงต้องให้กลไกนี้พิจารณา เพื่อให้เกิด ความรอบคอบ ดังที่เคยเกิดกรณีคล้ายๆ กันนี้ในอดีต...” นายสมชัย สุวรรณบรรณ ผู้อำนวยการ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพ สาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) กล่าวถึงลำดับเหตการณ์ที่จำเป็นต้อง ตัดสินใจชะลอ การออกอากาศ เทปรายการ “ตอบโจทย์ ตอนที่ 5” เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2556
ทั้งนี้ตามเงื่อนไขของเวลาในวันดังกล่าว นายสมชัยกล่าวว่าเป็นการตัดสินใจตามสถานการณ์ที่ เลื่อนไหลไปจนเสี้ยวนาทีสุดท้ายก่อนออกอากาศ ที่ฝ่ายบริหารและตัวแทนฝ่ายข่าว ที่ลงไปเจรจา กับผู้ประท้วงได้ประเมินร่วมกันว่า หากออกอากาศมีโอกาสที่จะนำไปการประจันหน้าและ เหตุ รุนแรง สุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยของพนักงานองค์กร เนื่องจากเวลา 14.00 น. กลุ่มที่ไม่เห็นด้วย กับการนำเสนอประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์ในรายการตอบโจทย์ประเทศไทยเริ่มทยอยมาร้อง เรียนที่สถานีซึ่งโดยปรกติทางสถานีจะจัดพื้นที่รองรับประชาชนที่มาแสดงความคิดเห็นบริเวณนอก อาคารสำนักงานเพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดฝนตกลมแรง ฝ่ายดูแลอาคาร จึงเชิญผู้ร้องเรียนเข้ามาหลบฝนข้างในอาคาร โดยมีฝ่ายบริหารลงมาดูแลประสานงานอำนวย ความสะดวกตามปรกติ
ในช่วงเวลานั้น มีการประชุมคณะกรรมการนโยบาย นายสมชัยจึงนำประเด็นร้องเรียนไปรายงาน ให้ที่ประชุมรับทราบ ที่ประชุมกรรมการนโยบายได้หารือและให้ความเห็นเป็นส่วนใหญ่ว่าสมควรให้ ออกอากาศเทปดังกล่าวได้ ทั้งนี้มิได้มีการลงเป็นมติคณะกรรมการนโยบายแต่อย่างใด ดังนั้นผู้บริหารไทยพีบีเอสจึง ยืนยันจุดยืนที่จะทำหน้าที่สื่อสาธารณะ โดยออกอากาศรายการ ตอบโจทย์ประเทศไทยตอนที่ 5 และจะเปิดพื้นที่การสื่อสารเพิ่มเติมสำหรับ ความคิดเห็นที่ แตกต่างเพิ่มขึ้นอีก โดยมีการชี้แจงแนวทางดังกล่าวผ่านช่วงข่าวค่ำไทยพีบีเอสเพื่อให้ผู้ประท้วง ได้ชมพร้อมกันด้วย และส่งตัวแทนไปเจรจากับผู้ประท้วง แต่สถานการณ์ เริ่มตึงเครียดอีกครั้ง เนื่องจากผู้ร้องเรียนไม่พอใจกับคำชี้แจงหรือข้อเสนอการเปิดพื้นที่เพิ่มเติม และยืนยันที่จะให้ถอด รายการให้ได้ อีกทั้งประกาศว่าจะรวมตัวกันต่อที่สถานีพร้อมจะกระจายข่าวเรียกผู้สนับสนุนมา ชุมนุมเพิ่มเติม โดยพวกตนจะนอนค้างคืนในอาคาร ซึ่งจะทำให้เกิดบรรยากาศการเผชิญหน้ากัน
“กระทั่งเวลาล่วงไปถึงประมาณ 21.00 น. ในช่วงที่หน้าจอเป็นรายการที่นี่ไทยพีบีเอส ทางเจ้าหน้าที่ ฝ่ายข่าวและฝ่ายบริหาร 10 กว่าคนที่เข้าไปเจรจาพูดคุยกับผู้เรียกร้อง ได้มาประชุมกับผมอีกครั้ง เพื่อประเมินสถานการณ์ว่ามีแนวโน้มจะตึงเครียดขึ้นอีกเพราะ มีข่าวว่าจะใช้Social Media ระดมคน มาชุมนุมที่สถานีเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งที่ประชุมเห็นเป็นส่วนใหญ่ว่า หากมีการเติมคนมากขึ้นและทางเรา ไม่ถอย สื่ออาจกลายเป็นคู่ขัดแย้งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ถือเป็นการตัดสินใจเสี้ยวนาทีสุดท้าย ซึ่งตอนนั้นในฐานะที่ตนเคยเป็นบรรณาธิการข่าวมาก่อน เคยได้รับการอบรมมาว่า “ไม่มีข่าวไหนที่สำคัญกว่าความปลอดภัยของคนทำข่าว” และในฐานะผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ มีหน้าที่ ที่ต้องปกป้องรักษาทรัพย์สินของราชการ จึงจำเป็นต้องตัดสินใจ ที่จะชะลอการออกอากาศ เพื่อลดการเผชิญหน้าและนำเข้าสู่การพิจารณาตามกลไกที่เรามีคือ คณะอนุกรรมการ รับและ พิจารณาเรื่องร้องเรียนจากประชาชน โดยผลการพิจารณาคาดว่าคงจะออกมาใน วันจันทร์ หรือวันอังคารที่ 18 - 19 มีนาคมนี้ และผมยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซง จากภายในหรือภายนอก อย่างที่มีปรากฎในสื่อฯ”
นายสมชัยย้ำว่า ไทยพีบีเอสยังรักษาจุดยืนการทำรายการตอบโจทย์ต่อไป ส่วนกรณีที่นายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ที่ตัดสินใจยุติบทบาทการเป็นพิธีกรรายการอย่างกระทันหัน ก็ต้องเคารพการตัดสินใจ ซึ่งก็น่าเสียดาย เพราะนายภิญโญและทีมงานของเขาได้ทุ่มเทให้กับการทำงานตลอดมา จนทำให้ราย การเป็นที่รู้จักกว้างขวางเป็นเครดิตของนายภิญโญ ทั้งนี้ นายสมชัย ยืนยันว่ารูปแบบเนื้อหารายการ จะยังต้องดำเนินต่อไป โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่กลาง ในการนำเสนอความคิดหลากหลาย และเป็น พื้นที่แลกเปลี่ยนในประเด็นสำคัญๆ อย่างตรงไปตรงมาของสังคมไทยต่อไป