“สดศรี”เผยยังไม่พบการโอนเงินซื้อเสียงเลือกตั้ง
เวลา 11.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีเรื่องเงินสะพัดหมื่นล้านโอนเข้าบัญชีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในพื้นที่ภาคอีสานที่ข้อมูลออกมาจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า กกต.ได้ประสานกับธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) แล้ว โดยทาง ธปท.รายงานว่ายังไม่หลักฐานว่ามีการใช้เงินในการหาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้นคนที่ออกมาให้ข่าวควรมีหลักฐานด้วย เพราะการพูดไม่มีหลักฐานจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ ดูเหมือนว่าไม่สุจริตและยังกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ โดยสิ่งที่ต้องระวังคือคำพูดและการให้ข้อมูล
ส่วนเรื่องตำรวจสันติบาลจัดทำโพลนั้น นางสดศรีกล่าวว่า เป็นเพียงโพลสำรวจทั่วไป ซึ่ง กกต.ห้ามไม่ได้ ยกเว้นการเปิดเผยผลโพลก่อนวันเลือกตั้ง 7 วันที่ห้ามทำ แต่ในช่วงนี้ก็แล้วแต่หน่วยงานจะพิจารณา ซึ่งอยากให้ผู้ทำโพลบอกวัตถุประสงค์ของการทำโพลและประกาศให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ
ส่วนกรณีที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองให้นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พานิช ว่าเบื้องต้นยังไม่ได้รับการประสานในเรื่องการพิจารณาคืนตำแหน่งดังกล่าว แต่ตามมาตรา 181 วรรค 1 ของรัฐธรรมนูญได้บัญญัติว่าการโยกย้ายข้าราชการในช่วงที่มีการออก พ.ร.ฎ.เลือกตั้งต้องได้รับการยินยอมจาก กกต. ทั้งนี้หาก ครม.พิจารณาแล้ว จึงขอความเห็นจาก กกต.ในภายหลังก็ทำได้ได้ เพราะกกต.คงไม่คัดค้าน เนื่องจากไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดเพราะเป็นเรื่องที่ศาลได้พิพากษาแล้ว แต่จะพิจารณาในเรื่องดุลยพินิจของ ครม.ว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เท่านั้น
สำหรับการโยกย้าย ผกก.สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นั้น นางสดศรี กล่าวว่า เป็นการสั่งให้ไปช่วยราชการซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของ กกต. เพราะไม่ได้เป็นการตัดขาดจากตำแหน่ง แต่เป็นการสั่งย้ายไปช่วยราชการ แต่ข้าราชการที่ถูกโยกย้ายมีสิทธิ์ฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้ ถ้าคำสั่งไม่ชอบธรรมหรือถูกกลั้นแกล้ง ซึ่งก็ต้องว่ากันที่ศาล กกต.จะไม่ก้าวก่ายการทำงานของหน่วยงานอื่น การโยกย้ายลักษณะนี้ไม่อยู่ในอำนาจของ กกต.
นางสดศรี ยังกล่าวถึงเรื่องการร้องเรียนว่า จากที่ได้สอบถาม ผอ.กต.จว.ที่มาร่วมประชุม ได้รับแจ้งว่ายังไม่มีเรื่องเรียนการทุจริตการเลือกตั้งที่ขัดเจน ซึ่งหากมีการร้องเรียนทางโทรศัพท์ หรือส่วนกลางอยากให้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยเพื่อที่จะเชิญมาให้ปากคำ และทำกระบวนการยุติธรรม ถ้าหลักฐานชัดเจนจะต้องแจกใบเหลือง ใบแดงก่อนการประกาศผล แต่อย่างไรก็ตามการแจกใบเหลืองใบแดง จะให้โดยอำเภอใจปราศจากหลักฐานไม่ได้ ต้องผ่านกระบวนการด้านสำนักงานกฤษฎีการที่ต้องกรองอีกที ไม่ใช่จบที่ กกต. พยานหลักฐานที่จะออกมาก่อนการเลือกตั้งต้องชัดเจนและไม่ใช่การกลั่นแกล้งกัน กกต.เองจะเป็นผู้ถูกฟ้อง กกต.จะมองการเมืองแง่ร้ายจะกะว่าจะให้ใบเหลืองจำนวนเท่าใดคงทำไม่ได้ ส่วนเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุจับตา 10 จังหวัดนั้นเมื่อสอบถาม ผอ.กต.จว.ทั่วประเทศที่มาประชุม ก็ยืนยันว่ายังไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ แต่อาจเป็นมุมมองของนักการเมืองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีมุมมองต่างกันออกไป