กลต.ชี้ 
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. โดยนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต.ออกแถลงการณ์ชี้แจงการทำหน้าที่ตรวจสอบและวินิจฉัยรายการซื้อขายทรัพย์ หรือ ถือครองหุ้น บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตามผลแห่งคดียึดทรัพย์แล้วไม่ใช่การขายจริง แต่การถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 5 ไม่มีหน้าที่ต้องทำรายการรายงานต่อ ก.ล.ต. ขณะเดียวกันการกล่าวโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน กรณีการรายงานถือหลักทรัพย์อันเป็นเท็จในปี 2543 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอมีคำสั่งไม่ฟ้องบุคคลทั้ง 2
ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ชี้แจงว่า ครอบครัวชินวัตรไม่เกี่ยวข้องกับกองทุน 2 แห่ง หรือ เกี่ยวข้องกับ บริษัทวินมาร์ค ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเอสซี แอสเสท และบ ริษัทชินคอร์ป ด้วย ซึ่งพบหลักฐานที่แสดงว่า เจ้าของที่แท้จริงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน แต่ ก.ล.ต. ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เนื่องจากไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ตามมาตรา 238 ของ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ที่ครอบคลุมเฉพาะการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ โดยเจตนาให้ผู้อื่นสำคัญผิดในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับฐานะการเงิน แต่กรณีนี้เป็นเรื่องเฉพาะการถือหุ้นมิใช่ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับบริษัท หรือ ราคาซื้อขาย ซึ่งดีเอสไอ และอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องทุกคน
ขณะที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เตรียมนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมวันพรุ่งนี้ โดยนายวิชัย วิวิตเสรี กรรมการ ป.ป.ช. ย้ำถึงอำนาจหน้าที่ใน 3 ฐานความผิดตามกฎหมาย คือทุจริตต่อหน้าที่ ประพฤติมิชอบ และละเว้นการทำหน้าที่ ดังนั้นอาจต้องพิจารณาในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับนางสาวยิ่งลักษณ์
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ยอมรับว่า เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ในฐานะต้นเรื่องแต่ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา คือการพิจารณาของพนักงานสอบสวนด้วย
