ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ตำนานเพลง"ดิออน วอริค"ล้มละลายเพราะภาษีย้อนหลัง

ศิลปะ-บันเทิง
28 มี.ค. 56
13:29
191
Logo Thai PBS
 ตำนานเพลง"ดิออน วอริค"ล้มละลายเพราะภาษีย้อนหลัง

แม้มีชื่อเสียงเงินทองมากมาย แต่หากขาดวินัยในการบริหารการเงิน อาจทำให้ชีวิตล้มเหลวได้ เช่นตัวอย่างของตำนานเพลง ดิออน วอริค ที่ล่าสุดต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลาย หลังถูกภาษีย้อนหลังกว่า 10 ล้านดอลลาร์

I Say a Little Prayer เพลงป็อปโซลชื่อดังจากปี 1967 คือ 1 ในผลงานสร้างชื่อให้กับ ดิออน วอริค นักร้องเพลงโซลระดับตำนาน ที่มีผู้นำไปร้องใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ชื่อเสียงและเงินทองตลอดครึ่งศตวรรษเหลือเพียงอดีต เมื่อล่าสุดเธอได้ยื่นคำร้องต่อศาลในรัฐนิว เจอร์ซีย์ เพื่อยืนยันการเป็นบุคคลล้มละลาย ตามกฎหมายมาตรา 7 ของสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดให้เธอต้องนำทรัพย์สินออกจำหน่ายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ หลังจากเธอถูกภาษีย้อนหลังเป็นเงินกว่า 10,000,000 ดอลลาร์หรือ 300 ล้านบาท

ประชาสัมพันธ์ของนักร้องวัย 72 ปี เผยว่าหนี้ดังกล่าวมาจากความละเลยและการบริหารการเงินที่ผิดพลาดในช่วงทศวรรษที่ 90 หลังถูกปฏิเสธแผนประนอมหนี้ เธอจำต้องชดใช้โทษจากการเลี่ยงภาษี รวมถึงดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอีกมหาศาล โดยต้องจ่าย 7,000,000 ดอลลาร์แก่กรมสรรพากร 3,000,000 ดอลลาร์สำหรับภาษีธุรกิจให้กับรัฐแคลิฟอร์เนีย และจำนวน 500,000 ดอลลาร์เป็นค่าทนายและผู้จัดการด้านธุรกิจ

เอกสารยืนฟ้องล้มละลายระบุว่า ดิออน วอริค มีรายได้เดือนละ 20,000 ดอลลาร์หรือ 600,000 บาท จากค่าลิขสิทธิ์เพลงและบำนาญจากสหภาพศิลปิน SAG/AFTRA แต่วันนี้เธอมีเงินสดเหลือติดตัวเพียงพันเหรียญ โดยมีทรัพย์สิน เช่นเสื้อขนสัตว์ราคา 25,500 ดอลลาร์และแหวนเพชร 13,000 ดอลลาร์ รวมถึงชุดแต่งกาย งานศิลปะ และเฟอร์นิเจอร์รวมกันอีก 25,500 ดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอยังเคยอบรมการบริหารหนี้บัตรเครดิต หลังเคยเป็นหนี้บัตรเครดิตกว่า 20,000 ดอลลาร์

ดิออน วอริค เป็นญาติกับ วิทนีย์ ฮูสตัน นักร้องสาวผู้ล่วงลับ ได้รับการยกย่องจากนิตยสารบิลบอร์ดให้เป็นนักร้องหญิงที่ประสบความสำเร็จบนชาร์ตเพลงมากที่สุดตลอดกาลในอันดับที่ 2 เป็นรองเพียง อริธา แฟรงคลิน จากสถิติการส่งเพลงติดชาร์ต Billboard Hot 100 ถึง 56 เพลง ระหว่างปี 1962 - 1998 โดยหนึ่งในเพลงที่ผู้คนจดจำได้มากที่สุดได้แก่ That's What Friends Are For เพลงการกุศลรางวัลเพลงแห่งปีของเวที แกรมมี อวอร์ดส์ ซึ่งเธอร่วมร้องกับเพื่อนศิลปิน โดยเงินจากการจำหน่ายกว่า 3,000,000 ดอลลาร์ได้นำไปบริจาคแก่มูลนิธิวิจัยโรคเอดส์

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง