เกิดเหตุระเบิด 14 จุดในเขตเทศบาลเมืองยะลา
จุดที่เกิดเหตุ เช่น บริเวณ ถ.สิโรรส, ตลาดเมืองใหม่, หน้าวิทยาลัยเทคนิคยะลา โดยจุดแรกที่เกิดเหตุระเบิดคือหน้าตู้เอทีเอ็มของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดยะลา หลังจากนั้นก็มีระเบิดในจุดอื่นๆ ตามมาอีกหลายจุด
เวลาประมาณ 20.10 น.ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานจากจังหวัดยะลาว่า สถานการณ์ยังอยู่ในความชุลมุนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ปิดเส้นทางเพื่อไม่ให้คนเข้าพื้นที่เขตเทศบาลเมืองยะลาเนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีคาร์บอมบ์
22.30 น. พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้สัมภาษณ์รายการ "ที่นี่ไทยพีบีเอส" ว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ตั้งแต่ประมาณ 30 นาทีหลังเกิดเหตุ จากการตรวจสอบเชื่อว่าผู้ก่อเหตุหวังที่จะก่อความปั่นป่วน เนื่องจากใช้ระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่บรรจุในท่อพีวีซี หรือที่เรียกว่า "ไปป์บอมบ์" ทำให้ไม่เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินไม่มากนัก
ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บ ได้รับรายงานล่าสุดว่ามีทั้งหมด 15 คน ขณะนี้กลับบ้านได้แล้ว 12 คน อีก 3 คนยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ขณะนี้เจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโดยละเอียด รวมทั้งพื้นที่ต้องสงสัยเพิ่มเติม
โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าระบุว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถป้องกันได้ แต่ก็สามารถคลี่คลายเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้เร่งควบคุมสถานการณ์ทันทีหลังเกิดเหตุ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบว่ามีความพยายามในการก่อเหตุรุนแรงในเขตพื้นที่เมืองมาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้วางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มแข็ง แต่ในทางการข่าวได้รับแจ้งว่าจะมีการก่อเหตุในพื้นที่เมืองในช่วงเทศกาล ซึ่งในวันที่ 25 พ.ค.2558 นี้จะมีการจัดงานสมโภชน์หลักเมืองและงานกาชาดจังหวัดยะลา จึงมีความเป็นไปได้ว่าผู้ก่อเหตุต้องการทำลายบรรยากาศของงานดังกล่าว
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.ยะลา จำนวน 14 จุดว่า เหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่จังหวัดยะลาเป็นลักษณะของการก่อกวนและสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในพื้นที่ แต่ชนิดของระเบิดไม่ทำให้เกิดความสูญเสียถึงแก่ชีวิต และได้สั่งการให้ ผบ.ฉก.ยะลา ควบคุมสถานการณ์ และสั่งเข้มจุดตรวจ จุดสกัดเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมาก่อเหตุในพื้นที่อื่นได้
พล อ.อุดมเดช ยังกล่าวด้วยว่าขณะนี้ได้มอบให้กำลังทั้ง 3 ฝ่ายในพื้นที่ออกมาแสดงกำลังเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ให้เกิดความเรียบร้อย ทั้งนี้ ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้กฎหมายพิเศษเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่เนื่องจากกฎหมายที่มีอยู่ สามารถปฏิบัติงานได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องประกาศใช้มาตรการอื่นๆ โดยเฉพาะการประกาศเคอร์ฟิวส์ในพื้นที่ และขณะนี้เองก็ยังไม่ได้มีการสั่งห้ามให้ประชาชนออกนอกพื้นที่แต่อย่างใด เพียงแต่ให้ใช้ความระมัดระวังหากมีความจำเป็นที่จะต้องออกนอกเคหะสถานเนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจกำลังดูแลสถานการณ์อย่างเข้มงวด แต่เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถแยกแยะระหว่างคนร้ายกับประชาชนในพื้นที่ได้
พล.อ.อุดมเดช ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้งานรายงานเหตุการณ์ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบแล้ว
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ.ระบุทหารได้เร่งประสานตำรวจช่วยกันในการติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยเก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิดและจากพยานบุคคลที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และให้เพิ่มการตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามเส้นทางเส้นทางโดยรอบในทันที เพราะเป็นไปได้ว่าผู้ก่อเหตุอาจมาจากพื้นที่อื่น
สำหรับจุดประสงค์ในการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นความพยายามแสดงสัญญลักษณ์และก่อกวนเพื่อสร้างความวุ่นวาย