สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่อง และมีข้อสังเกตว่า เป้าหมายของการก่อเหตุคือ การทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐนั้น นายขจัดภัย บุรุษพัฒน์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เชื่อว่า เป็นผลสะท้อนจากวิธีการพูดคุยสันติภาพระหว่างสมช.กับแกนนำผู้ก่อเหตุ เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองในกระบวนการเจรจาในอนาคต
อดีตเลขาธิการสมช.เชื่อว่า การพบกันเป็นครั้งที่ 2 ระหว่างตัวแทนสมช. และแกนนำกลุ่มผู้ก่อเหตุในภาคใต้ยังคงอยู่ในกระบวนการพูดคุยยังไม่ถึงระดับการเจรจา พร้อมเสนอแนะทุกถ้อยคำควรเป็นความลับ ไม่ควรไว้วางใจทุกฝ่ายมากเกินควร
ขณะที่พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสมช. เชื่อว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น สาเหตุหลักมาจาก เป็นช่วงรอยต่อที่ต้องสร้างความไว้วางใจกัน ซึ่งคงต้องใช้ความอดทนในการเดินหน้าแนวทางนี้ ทั้งนี้ได้กำชับฝ่ายปฏิบัติ เพิ่มการดูแลและความระมัดระวังเหตุอย่างรอบด้านมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มแผนฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อรองรับเหตุความไม่สงบ
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ แถลงให้รัฐบาลทบทวนวิธีการพูดคุย เพราะเชื่อว่า มีผลให้สถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมถามหาความรับผิดชอบกับเหตุที่เกิดขึ้น โดยเสนอ 2 ทางเลือก คือ ให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาตัวเอง หรือ ปลดรองนายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้แก้ปัญหาโดยตรง
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า แม่ทัพภาคที่ 4 กำชับให้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้อย่างเข้มงวด พร้อมยอมรับว่า มีข้อผิดสังเกตจากเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่เซฟตี้โซน มีรายงานว่า การประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ เลขาธิการ สมช. เตรียมรายงานสถานการณ์ความรุนแรง และอาจเป็นไปได้ที่จะหารือถึงกรณีการขายข่าวให้ฝ่ายตรงข้ามหรือ "หนอนบ่อนไส้"