แนวร่วมบีอาร์เอ็นฯเผยรอดูความจริงใจรัฐเจรจาสันติภาพ-หน.ไม่ส่งสัญญาณให้ยุติก่อเหตุ
เสียงระเบิดลูกที่สองที่ดังขึ้นหลังบ้านของนายนัจมุดดีน อูมา ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ที่ปรึกษาร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ทำบ้านเสียหายสามหลัง และมีผู้บาดเจ็บหนึ่งคน เป็นความรุนแรงต่อเนื่องหลังการพูดคุยสันติภาพ ซึ่งความไม่สงบที่เกิดบ่อยครั้งเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องประหลาดใจ
สำหรับแนวร่วมระดับสั่งการ ที่อยู่ในขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเน็ตมานานกว่า 20 ปีคนนี้ เพราะโครงสร้างของกลุ่มขบวน ที่แบ่งเป็นฝ่ายนโยบาย และฝ่ายกองกำลัง ซึ่งมีรูปแบบไม่ตายตัว และแต่ฝ่ายมีอิสระในการทำงาน ทำให้ในบางพื้นที่กองกำลังมีเสรีในการก่อเหตุ
แนวร่วมระดับสั่งการยังเปิดเผยกับไทยพีบีเอสว่า ในส่วนของกองกำลัง หรือฝ่ายทหาร มีการแบ่งย่อยตามพื้นที่ทั้งระดับหมู่บ้าน ตำบล ระดับเขต และระดับจังหวัด โดยในบางพื้นที่ที่กองกำลังไม่เข้มแข็ง จะมีหัวหน้าเป็นผู้สั่งการ แต่ในบางพื้นที่ที่มีกองกำลังเข้มแข็ง ก็จะเสนอแผน หรือการทำงานด้วยตัวเอง โดยในแต่เขตพื้นที่จะมีการกำหนดผลงาน ที่ต้องปฏิบัติการในแต่ละเดือน
เช่นเดียวกับแนวร่วมระดับปฏิบัติการ ที่เคยก่อเหตุรุนแรงมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งคนนี้ มองว่า การพูดคุยสันติภาพ อาจไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น เพราะแนวร่วมระดับปฏิบัติการ ทั้งอาร์เคเค คอมมาโด หรือเปอร์มูดอ มักจะหัวหน้ากลุ่มระดับเขตเป็นผู้สั่งการอยู่แล้ว เพราะต้องได้รับการอุดหนุน ทั้งการวางแผน อาวุธ หรือ เส้นทางหลบหนี จึงเห็นว่า การพูดคุยสันติภาพจะประสบความสำเร็จในระดับพื้นที่ รัฐจะต้องลงลึกไปพูดคุย หรือใช้หัวหน้าแนวร่วมระดับพื้นที่เป็นผู้ส่งสัญญาณไปยังระดับล่างเพื่อให้ยุติการใช้ความรุนแรง ควบคู่ไปกับการพูดคุยสันติภาพในระดับนโยบาย
ในมุมมองของแนวร่วมระดับสั่งการ และระดับปฏิบัติการสองคนนี้ เห็นว่า การพูดคุยสันติภาพ เป็นสิ่งใหม่ที่แนวร่วมหลายคนจับตามอง ว่ารัฐจะจริงใจหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา แม้จะมีการเปิดโอกาสให้แนวร่วมมาพูดคุย แต่พบว่า ในที่สุดก็ถูกจับกุม ทำให้หลายคนไม่ไว้วางใจรัฐ และสิ่งที่จะทำให้แนวร่วมระดับกองกำลังยอมวางอาวุธ คือรัฐจะต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการกับผู้ที่ถูกจับกุมอยู่เดิม หรือ หรือแนวร่วมที่ถูกออกหมายจับ เพื่อเปิดช่องทางให้คนเหล่านี้กลับใจ พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกมวลชนใหม่ สำหรับคนในพื้นที่ ที่บางส่วนยังให้การสนับสนุนกลุ่มขบวนการ ให้หันกลับมาสนับสนุนรัฐและร่วมสร้างสันติโดยปราศจากอาวุธ